ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บริหารดิเอ็มเมอรัลด์ ยันทำทุกอย่างถูกต้องหลังถูกร้องให้จังหวัดตรวจสอบ 3 โครงการในภูเก็ต เชื่อครั้งนี้มีเบื้องหลัง พร้อมระบุที่ผ่านมา มีกลุ่มบุคคลขู่เรียกรับผลประโยชน์มาแล้ว ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลฟ้องกลับคนทำให้เสียหาย เหตุมีการยกเลิกการจองไปแล้ว 1 ราย
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (7 มี.ค.) ที่โครงการดิเอ็มเมอรัลด์เซ็นทรัล คอนโด (ปากซอยธิดา เยื้องห้างแม็คโครภูเก็ต) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารระดับสูงบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป พร้อมด้วยฝ่ายบริหาร และฝ่ายกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งบริหารงานโดย “เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป” ถูกกลุ่มผู้รักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของโครงการฯ เมื่อเร็วๆ นี้
โดย นายสาวิตร เกตุโรจน์ กล่าวชี้แจงว่า การดำเนินธุรกิจทุกอย่างของบริษัทฯ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และเคารพสิทธิของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.ผังเมือง และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร โดยปัจจุบันทางบริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ รวมทั้งหมด 7 โครงการ แต่มีโครงการที่ถูกร้องให้มีการตรวจสอบ 3 โครงการ
ประกอบด้วย 1.โครงการ The Emerald Nirvana Kalim ซึ่งไม่ใช่โครงการ Emerald Development Group ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มี 2 ประเด็น คือ เรื่องเอกสารสิทธิ ซึ่งที่ดินดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้ซื้อมาจากผู้ขาย และได้ทำการตรวจสอบที่ดิน น.ส.3ก. ทั้ง 5 แปลง ที่แบ่งแยกไปทำโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงแรม ที่พักอาศัย รวมถึงวิลลา จากหน่วยงานราชการแล้วพบว่า น.ส.3ก. ซึ่งออกเมื่อปี 2539 นั้น มาจาก ส.ค.1 ที่ครอบครองโดย นายสัน สเน่ห์ ออกเอกสารสิทธิเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2494 ก่อน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และปัจจุบันทายาทของเจ้าของ ส.ค.1 ยังมีชีวิตอยู่ และได้นำมาเป็นพยานบันทึกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินแล้วว่าเป็น ส.ค.1 ในพื้นที่ดังกล่าวจริง ส่วนเรื่องจำนวนเนื้อที่ก็เป็นไปตามเอกสาร
ประเด็นที่ 2 เรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ภายใต้หลักวิศวกรรม และส่งผลกระทบน้อยที่สุด โดยได้ยื่นขอ และได้รับใบอนุญาตก่อสร้างกำแพงกันดินจากเทศบาลป่าตอง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียบร้อย ส่วนวิลลา จำนวน 8 หลัง บริษัทฯ ได้ยื่นแบบขออนุญาตผ่านเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเริ่มต้นก่อสร้าง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ พบว่า มีบางส่วนที่ระดับความสูงเกินกฎหมายกำหนดก็ไม่ได้นำไปพัฒนาอะไร ยังคงรักษาไว้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่วนกรณีกล่าวหาว่ามีการขุดถมดิน หากดูจากแบบก่อสร้างพบว่า เป็นการสร้างอาคารที่ใช้พื้นที่ขุดดินออกน้อยมาก เพราะออกแบบให้สอดคล้องต่อสภาพพื้นที่จริง และตั้งใจให้ทั้งโครงการออกมาในรูปแบบเป็นการอยู่อาศัยอิงธรรมชาติให้มากที่สุด นอกจากนี้ กรณีที่มีการระบุว่า มีการขาย และโฆษณาชวนเชื่อนั้น บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้ถูกฟ้องร้องแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมามีการสื่อสารที่ดีกับลูกค้ามาโดยตลอด
ในส่วนของโครงการที่ 2 The Emerald Terrace Condo Patong ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนพระบารมี (บริเวณหลังธนาคารออมสิน) ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ทางบริษัทฯ ได้มีการออกโฉนดห้องชุด (อช.) ให้แก่ลูกบ้าน และได้โอนไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ปรากฏการร้องเรียนใดๆ ในเรื่องของเอกสารและในการออกเอกสารก็มีคณะกรรมการกลางของจังหวัดตรวจสอบหลายฝ่าย รวมถึงเทศบาลป่าตอง ซึ่งจะต้องตรวจสอบมาตรฐานของอาคารในด้านต่างๆ และผ่านการตรวจสอบถูกต้องเรียบร้อย นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ก็ไม่เคยนำพื้นที่ดาดฟ้ามาทำเป็นห้องพักขายคอนโดตามที่กล่าวหา เพราะการออกเอกสารโฉนดห้องชุดหากก่อสร้างไม่ตรงกับแบบขออนุญาตก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว
และโครงการที่ 3 The Emerald Central Condo ตั้งอยู่เยื้องๆ กับห้างแม็คโครภูเก็ต ยืนยันว่า มีการก่อสร้างตรงตามแบบแปลนทุกประการ โดยเป็นอาคารเพื่ออยู่อาศัยความสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีความสูงอาคารละ 21 เมตร ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 23 เมตร โดยมีการปรับแบบระเบียงอาคารเพียงบางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อแนวเขตที่ดิน และมีระยะร่นที่ถูกต้องตามใบอนุญาตทุกประการ
นายสาวิตร ยังได้กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อสร้างทางบริษัทฯ ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมา ก็มีการร้องเรียนให้หน่วยงานราชการมาตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นทำโครงการ และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าการร้องเรียนในครั้งนี้น่าจะมีเบื้องหลังแน่นอน เพราะทางบริษัทฯ เคยมีกลุ่มบุคคลทั้งในเครื่องแบบจากส่วนกลาง และคนในพื้นที่ที่ร่วมมือกันข่มขู่ และเรียกรับผลประโยชน์ โดยบอกว่าหากบริษัทฯ ไม่รีบดำเนินการเคลียร์เงินให้ก็จะดำเนินการลงข่าวให้เกิดความเสียหายในธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ มีข้อมูล และอยู่ระหว่างเตรียมการดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว
นายสาวิตร ยังได้กล่าวยืนยันว่า ทำธุรกิจด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย และเคารพสิทธิของส่วนรวมมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยใดๆ และขอให้กลุ่มคนดังกล่าวหยุดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะการบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้นักลงทุน ผู้ซื้อ รวมถึงประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น และทำให้ธุรกิจเสียหายในวงกว้างได้ เพราะเราเองมีเจตนาสร้างธุรกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ต รายได้จากธุรกิจของบริษัทฯ มีแผนจะนำมาตอบแทนสู่สังคมทั้งด้านการศึกษา และสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกหลายอย่างต่อไปในอนาคต จึงไม่ยอมจ่ายให้กลุ่มที่เรียกรับผลประโยชน์ เพราะมองว่าเงินที่ถูกเรียนนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้อีกมาก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีข่าวออกไปทางบริษัทฯ ได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ซึ่งเบื้องต้นมีลูกค้ายกเลิกการจองห้องชุดไปแล้ว 1 ราย ซึ่งห้องชุดดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท และยังคงมีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการชี้แจงไปแล้ว โดยภาพของทั้ง 3 โครงการ ขณะนี้มีการขายไปแล้วค่อนข้างมาก เฉพาะปี 2559 มีการขายไปแล้วถึง 87 ยูนิต มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายให้ได้ประมาณ 100 ยูนิต แต่ก็มาเจอเหตุการณ์นี้ก่อน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (7 มี.ค.) ที่โครงการดิเอ็มเมอรัลด์เซ็นทรัล คอนโด (ปากซอยธิดา เยื้องห้างแม็คโครภูเก็ต) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารระดับสูงบริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป พร้อมด้วยฝ่ายบริหาร และฝ่ายกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งบริหารงานโดย “เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป” ถูกกลุ่มผู้รักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของโครงการฯ เมื่อเร็วๆ นี้
โดย นายสาวิตร เกตุโรจน์ กล่าวชี้แจงว่า การดำเนินธุรกิจทุกอย่างของบริษัทฯ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และเคารพสิทธิของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.ผังเมือง และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร โดยปัจจุบันทางบริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ รวมทั้งหมด 7 โครงการ แต่มีโครงการที่ถูกร้องให้มีการตรวจสอบ 3 โครงการ
ประกอบด้วย 1.โครงการ The Emerald Nirvana Kalim ซึ่งไม่ใช่โครงการ Emerald Development Group ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มี 2 ประเด็น คือ เรื่องเอกสารสิทธิ ซึ่งที่ดินดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้ซื้อมาจากผู้ขาย และได้ทำการตรวจสอบที่ดิน น.ส.3ก. ทั้ง 5 แปลง ที่แบ่งแยกไปทำโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงแรม ที่พักอาศัย รวมถึงวิลลา จากหน่วยงานราชการแล้วพบว่า น.ส.3ก. ซึ่งออกเมื่อปี 2539 นั้น มาจาก ส.ค.1 ที่ครอบครองโดย นายสัน สเน่ห์ ออกเอกสารสิทธิเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2494 ก่อน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และปัจจุบันทายาทของเจ้าของ ส.ค.1 ยังมีชีวิตอยู่ และได้นำมาเป็นพยานบันทึกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินแล้วว่าเป็น ส.ค.1 ในพื้นที่ดังกล่าวจริง ส่วนเรื่องจำนวนเนื้อที่ก็เป็นไปตามเอกสาร
ประเด็นที่ 2 เรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ภายใต้หลักวิศวกรรม และส่งผลกระทบน้อยที่สุด โดยได้ยื่นขอ และได้รับใบอนุญาตก่อสร้างกำแพงกันดินจากเทศบาลป่าตอง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียบร้อย ส่วนวิลลา จำนวน 8 หลัง บริษัทฯ ได้ยื่นแบบขออนุญาตผ่านเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเริ่มต้นก่อสร้าง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ พบว่า มีบางส่วนที่ระดับความสูงเกินกฎหมายกำหนดก็ไม่ได้นำไปพัฒนาอะไร ยังคงรักษาไว้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่วนกรณีกล่าวหาว่ามีการขุดถมดิน หากดูจากแบบก่อสร้างพบว่า เป็นการสร้างอาคารที่ใช้พื้นที่ขุดดินออกน้อยมาก เพราะออกแบบให้สอดคล้องต่อสภาพพื้นที่จริง และตั้งใจให้ทั้งโครงการออกมาในรูปแบบเป็นการอยู่อาศัยอิงธรรมชาติให้มากที่สุด นอกจากนี้ กรณีที่มีการระบุว่า มีการขาย และโฆษณาชวนเชื่อนั้น บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้ถูกฟ้องร้องแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมามีการสื่อสารที่ดีกับลูกค้ามาโดยตลอด
ในส่วนของโครงการที่ 2 The Emerald Terrace Condo Patong ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนพระบารมี (บริเวณหลังธนาคารออมสิน) ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ทางบริษัทฯ ได้มีการออกโฉนดห้องชุด (อช.) ให้แก่ลูกบ้าน และได้โอนไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ปรากฏการร้องเรียนใดๆ ในเรื่องของเอกสารและในการออกเอกสารก็มีคณะกรรมการกลางของจังหวัดตรวจสอบหลายฝ่าย รวมถึงเทศบาลป่าตอง ซึ่งจะต้องตรวจสอบมาตรฐานของอาคารในด้านต่างๆ และผ่านการตรวจสอบถูกต้องเรียบร้อย นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ก็ไม่เคยนำพื้นที่ดาดฟ้ามาทำเป็นห้องพักขายคอนโดตามที่กล่าวหา เพราะการออกเอกสารโฉนดห้องชุดหากก่อสร้างไม่ตรงกับแบบขออนุญาตก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว
และโครงการที่ 3 The Emerald Central Condo ตั้งอยู่เยื้องๆ กับห้างแม็คโครภูเก็ต ยืนยันว่า มีการก่อสร้างตรงตามแบบแปลนทุกประการ โดยเป็นอาคารเพื่ออยู่อาศัยความสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีความสูงอาคารละ 21 เมตร ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 23 เมตร โดยมีการปรับแบบระเบียงอาคารเพียงบางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อแนวเขตที่ดิน และมีระยะร่นที่ถูกต้องตามใบอนุญาตทุกประการ
นายสาวิตร ยังได้กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อสร้างทางบริษัทฯ ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมา ก็มีการร้องเรียนให้หน่วยงานราชการมาตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นทำโครงการ และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว 3-4 ครั้ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าการร้องเรียนในครั้งนี้น่าจะมีเบื้องหลังแน่นอน เพราะทางบริษัทฯ เคยมีกลุ่มบุคคลทั้งในเครื่องแบบจากส่วนกลาง และคนในพื้นที่ที่ร่วมมือกันข่มขู่ และเรียกรับผลประโยชน์ โดยบอกว่าหากบริษัทฯ ไม่รีบดำเนินการเคลียร์เงินให้ก็จะดำเนินการลงข่าวให้เกิดความเสียหายในธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ มีข้อมูล และอยู่ระหว่างเตรียมการดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว
นายสาวิตร ยังได้กล่าวยืนยันว่า ทำธุรกิจด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย และเคารพสิทธิของส่วนรวมมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยใดๆ และขอให้กลุ่มคนดังกล่าวหยุดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะการบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้นักลงทุน ผู้ซื้อ รวมถึงประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่น และทำให้ธุรกิจเสียหายในวงกว้างได้ เพราะเราเองมีเจตนาสร้างธุรกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ต รายได้จากธุรกิจของบริษัทฯ มีแผนจะนำมาตอบแทนสู่สังคมทั้งด้านการศึกษา และสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกหลายอย่างต่อไปในอนาคต จึงไม่ยอมจ่ายให้กลุ่มที่เรียกรับผลประโยชน์ เพราะมองว่าเงินที่ถูกเรียนนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้อีกมาก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีข่าวออกไปทางบริษัทฯ ได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ซึ่งเบื้องต้นมีลูกค้ายกเลิกการจองห้องชุดไปแล้ว 1 ราย ซึ่งห้องชุดดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท และยังคงมีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการชี้แจงไปแล้ว โดยภาพของทั้ง 3 โครงการ ขณะนี้มีการขายไปแล้วค่อนข้างมาก เฉพาะปี 2559 มีการขายไปแล้วถึง 87 ยูนิต มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายให้ได้ประมาณ 100 ยูนิต แต่ก็มาเจอเหตุการณ์นี้ก่อน