สระแก้ว - กสทช.ลงพื้นที่สระแก้ว ประชุมร่วม 3 ค่ายมือถือ ตำรวจ แจงผลตรวจซิมการ์ดรับจ้างกดไลก์เพิ่มยอดวิว ที่ใช้ได้ และไม่ได้ พร้อมเตรียมแจ้งความเพิ่ม หากใช้วิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำโดย นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม พร้อมด้วยนักกฎหมายและ กสทช.ภูมิภาค สำนักงานปราจีนบุรี และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) ทุกค่ายจาก 3 ค่ายมือถือ ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โดยการมาร่วมประชุมครั้งนี้ เพื่อทำการตรวจสอบซิมของกลางกว่า 3 แสนซิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสามารถจับกุมแก๊งชาวจีนรับจ้างกดไลก์เพิ่มยอดวิว พร้อมโทรศัพท์มือถือไอโฟนจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ กสทช. และ 3 ค่ายมือถือ และฝ่ายกฎหมายมาถึงได้เดินทางเข้าประชุมที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ทันที และประชุมพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง โดย กสทช. และเจ้าหน้าที่ของบริษัทค่ายมือถือได้ร่วมกันตรวจสอบว่า โทรศัพท์มือถือของกลาง รวมถึงการนำซิมมาใช้บริการถูกต้องหรือไม่ มีการเปิดใช้บริการ และลงทะเบียนถูกต้องหรือยัง หากพบว่ามีความผิดเกิดขึ้นจะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่ม
นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้อำนวยการสำนักกำกับดูแลกิจกาโทรคมนาคม กสทช.กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อมูลว่า ซิมที่ยึดได้มีเบอร์อะไรบ้าง วันนี้ตัวแทนได้มีการตรวจสอบขั้นต้นด้วยการเอาไปสแกนบาร์โค้ด รู้จำนวน และตัวแทนจำหน่ายมาจากชายแดน เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดจะส่งให้ กสทช.ตรวจสอบอีกครั้ง
โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นจากโอเปอเรเตอร์ พบว่า ซิมบางส่วนมีการลงทะเบียนถูกต้อง โดยใช้หนังสือเดินทางของชาวต่างประเทศ บางส่วนเป็นการลงทะเบียนโดยผู้ขาย บางซิมใช้ได้ บางซิมใช้ไม่ได้ หรือหมดอายุ ต้องดูข้อเท็จจริงว่ามีการลงทะเบียนทั้งหมดหรือไม่ ถ้าลงทะเบียนเป็นการลงทะเบียนอย่างไร ซึ่งผู้ให้บริการต้องตรวจสอบ ส่งให้ กสทช.ภายในวันจันทร์นี้ เพื่อสรุปส่งให้เลขาธิการ กสทช.พิจารณาในวันพุธนี้
นายพิชัย กล่าต่อไปว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีซิมบางส่วนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าเป็นซิมไทยต้องเปิดตามระเบียบไทย โดยเฉพาะการแสดงตน ไม่ได้จำกัดจำนวนเบอร์ต่อคน ซึ่งคนที่แสดงตนต่อผู้ต้องหา หากไม่ใช่คนเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะต้องไปสืบสวนต่อไป กสทช. เป็นผู้รักษาการ ตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม หากพบว่า มีการเอาอุปกรณ์โทรศัพท์ ซึ่งเป็นวิทยุโทรคมนาคมไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต ถือว่ามีความผิดที่เกิดขึ้น เป็นการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดที่ กสทช. จะร้องทุกข์กล่าวโทษตามกฎหมาย
โดยวันนี้ได้แจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีเพิ่มต่อ ร.ต.อ.ทวิทย์ ประกอบนันท์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ฐานมีเครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม 2549 ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นายประวิตร จิตรปัญญา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักงานภูมิภาค ภาคตะวันออก ผู้ให้บริการเครือข่ายเอไอเอส กล่าวว่า ได้ตรวจซิมเบื้องต้นแล้ว จำนวน 105,485 ซิม ส่วนใหญ่เป็นซิมเติมเงิน เปิดใช้งานในพื้นที่ชายแดน ขณะนี้กำลังเอาข้อมูลไปตรวจสอบเชิงลึกอยู่ ทางด้านผู้ให้บริการเครือข่ายดีแทค แจ้งว่า ตรวจซิมไปแล้ว 104,000 ซิม เป็นซิมเติมเงิน รวมทั้งเครือข่ายทรู ตรวจข้อมูลไปแล้ว 7,000 ซิม โดยใช้วิธีส่งให้สำนักงานใหญ่ตรวจสอบบาร์โค้ดอยู่
อย่างไรก็ตาม การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมมากขนาดนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาต่อชาวจีนทั้ง 3 ราย ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเข้าไม่เสียภาษี โดยให้การว่า เข้ามาทำธุรกิจรับจ้างกดไลก์ กดแชร์ในแอปพลิเคชันวีแชต เนื่องจากประเทศจีนไม่เล่นเฟซบุ๊ก และการซื้อซิมในจีนต้องแสดงบัตรประชาชน หนึ่งคนสามารถซื้อได้เพียงหนึ่งซิมเท่านั้น จึงเลือกมาดำเนินการในไทย