น่าน - ชาวบ้านห้วยน้ำหินกว่า 100 คนหอบเต็นท์ ที่นอน เครื่องครัว เข้าร้องขอความเป็นธรรมผู้ว่าฯ น่าน หลังรัฐเดินหน้าทวงคืนผืนป่า ทำเดือดร้อนกันเกือบ 300 ราย ถูกดำเนินคดีนับสิบคดี พร้อมเตรียมปักหลักค้างคืนทันทีหากไม่เห็นผล ก่อนผู้ว่าฯ ขอใช้คำสั่ง คสช.66/57 เคลียร์ปัญหา
วันนี้ (12 มิ.ย.) กลุ่มเกษตรกรลุ่มน้ำห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน กว่า 100 คน ได้รวมตัวกัน ซึ่งกลุ่มชาวบ้านและเกษตรกรห้วยน้ำหินได้เตรียมเต็นท์ เครื่องครัว และเครื่องนอนเดินทางไปที่ศูนย์ราชการจังหวัดน่าน ยื่นหนังสือต่อนายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน
เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาการขอเข้าทำกิน และใช้ประโยชน์ในพื้นที่สวนป่าห้วยน้ำหิน เขตป่าสงวนแห่งชาติฝั่งขวา แม่น้ำน่านตอนใต้ ต.สถาน อ.นาน้อย หลังมีการใช้นโยบายและมาตรการทวงคืนผืนป่า ส่งผลให้ชาวบ้าน 298 รายได้รับผลกระทบ มีการดำเนินคดีต่อชาวบ้านถึง 10 คดี
โดยเรียกร้องขอให้ยุติการออกคำสั่งให้ชาวบ้าน-เกษตรกรออกจากพื้นที่ทำกิน และอนุญาตให้กลับเข้าไปทำกิน-ใช้ประโยชน์ต่อไปดังเดิมได้ พร้อมเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีใดๆ รวมถึงการทวงคืนผืนป่าต่อเกษตรกร และหากไม่มีความชัดเจน หรือไม่ได้คำตอบเป็นที่พอใจ ก็จะปักหลักนอนค้างคืนที่ศูนย์ราชการจังหวัดน่าน กดดันให้มีการแก้ไขปัญหา
ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายอำเภอนาน้อย, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน และศูนย์ดำรงธรรม เข้าพบกับกลุ่มชาวบ้านที่ห้องประชุมศูนย์ราชการจังหวัดฯ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้อง หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
นายประสิทธิ์ พันธุ์ใหญ่ยิ่ง ผอ.ทสจ.น่าน เปิดเผยถึงกรณีที่ดินทำกินของชาวบ้านในพื้นที่สวนป่าห้วยน้ำหิน เนื้อที่ 7,620 ไร่ มีชาวบ้าน 298 ราย ได้รับผลกระทบ แต่เมื่อได้คัดกรองแล้วมีราษฎรที่ได้รับผลกระทบหนักจริงๆ 76 ราย เนื้อที่ 1,290 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสวนยางพาราที่ชาวบ้านได้รับการส่งเสริม และกำลังจะได้กรีดน้ำยางขายผลผลิตในปีนี้
ส่วนเรื่องการดำเนินคดีต่อชาวบ้านจำนวน 10 คดี เป็นนโยบายและมาตรการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเป็นความผิดอาญา ไม่อาจยอมความได้
อย่างไรก็ตาม หลังรับฟังปัญหาและข้อเรียกร้องแล้ว ผู้ว่าฯ น่านระบุว่าจะขอใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 เพื่อให้ราษฎร 76 ราย เข้าไปทำกินในพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อน โดยจะทำเป็นหนังสือสัญญาลงนามกับทางอำเภอนาน้อย เพื่อให้มีความชัดเจน ในวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ รวมทั้งให้มีการสำรวจ คัดกรองชาวบ้านและเกษตรกรที่เป็นผู้ยากไร้ มุ่งส่งเสริมให้คนอยู่กับป่าได้ โดยไม่ให้มีการบุกรุกบนภูเขาอีก
ซึ่งการเจรจาหาทางออกร่วมกันเป็นที่พอใจของกลุ่มชาวบ้านและเกษตรกร จึงได้แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาในวันเดียวกัน โดยไม่มีการปักหลักกางเต็นท์ค้างคืนที่ศูนย์ราชการฯ แต่อย่างใด
