ศูนย์ข่าวศรีราชา - แผนเสริมทรายชายหาดพัทยา เจอโรคเลื่อนรอบ 2 หลังพบทรายมีปัญหา คุณสมบัติไม่ใกล้เคียงกับสภาพชายหาดเดิม และปัจจุบันยังหาข้อยุติในการจัดหาแหล่งทรายใหม่ไม่ได้
วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ภายใต้การกำกับดูแลของกรมเจ้าท่า ในงบประมาณกว่า 429 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และเสริมสร้างภูมิทัศน์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาว่า มีอันต้องหยุดชะงักเป็นการชั่วคราว
หลังเมืองพัทยา ได้ว่าจ้างบริษัท มารีน คอนสตรัคชั่น จำกัด ให้เข้ามาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2559 และมีแผนส่งมอบพื้นที่ในวันที่ 20 มีนาคม 2560 โดยต้องทำการเสริมทรายชายหาดเมืองพัทยา ให้มีความกว้างกว่า 50 เมตรตลอดแนวชายหาด ตั้งแต่โค้งดุสิตธานีพัทยาเหนือ ไปจนถึงปากทางวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ในระยะทางความยาวกว่า 2.8 กิโลเมตร แต่เมื่อปฏิบัติงานไปได้ระยะหนึ่งกลับพบว่า ทรายที่จะนำมาเสริมชายหาดมีลักษณะของเม็ดทรายไม่กลมกลืน และไม่มีสภาพใกล้เคียงกับทรายบนผืนชายหาดเดิม
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว กรมเจ้าท่าได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าทำสำรวจและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายหาด โดยพบว่ามีนัยสำคัญที่มีการกัดเซาะอย่างรุนแรง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ชายหาดเมืองพัทยาขาดหาย ไปในระยะเวลา 10 ปี ก่อนสรุปความเห็นที่จะให้มีการเสริมทราย พร้อมก่อสร้างแนวกันคลื่น และการวางแผนถุงทรายใยสังเคราะห์ หรือ Geo-Textile ตลอดแนวชายหาดเพื่อจัดทำเป็นสันเขื่อน
ในช่วงแรกมีแผนที่จะใช้ทรายปากแม่น้ำระยอง ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน จำนวน 3.6 แสนลูกบาศก์เมตร มาใช้เสริม แต่สุดท้ายก็ประสบปัญหาการยกเลิกสัมปทาน จนทำให้ผู้รับเหมาต้องจัดหาแหล่งทรายใหม่ ทำให้โครงการชะลอไปแล้วระยะหนึ่ง กระทั่งได้มีการค้นพบแหล่งทรายใหม่ที่อยู่กลางทะเล บริเวณเกาะลางเกวียน ที่อยู่ห่างจากชายหาดเกาะล้าน จังหวัดชลบุรี ประมาณ 30-40 กิโลเมตร แต่ความหวังการเสริมทรายชายหาดต้องชะงักอีกครั้ง หลังบริษัทผู้รับจ้างพบว่า แหล่งทรายนี้มีข้อแตกต่างจากที่ได้ศึกษามาทั้งหมด
ด้วยคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกับทรายบนฝั่ง จนทำให้โครงการต้องหยุดชะงักอีกครั้ง และต้องหาแหล่งทรายใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการจัดหาแหล่งทรายจากพื้นที่ใด
