ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ติดตามความคืบหน้าจัดระเบียบท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา ยันไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำเรือท่องเที่ยวขึ้นลงที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจาก คสช.
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ คสช.ซึ่งดูแลพื้นที่ของจังหวัดชลบุรี และระยอง ได้จัดประชุมร่วมกับภาคส่วนราชการ เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ หลังพบว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาความไม่เป็นระเบียบอย่างต่อเนื่อง โดยคำสั่ง คสช.ให้มีการจัดระเบียบท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ใหม่ เพื่อเป็นการจัดระเบียบด้านการท่องเที่ยว และทวงคืนพื้นที่สาธารณะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อีกทั้งยังเป็นแผนการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติในช่วงปลายปี 2560 โดยเน้นการจัดระเบียบพื้นที่จอดเรือ และการปรับปรุงท่าเทียบเรือพัทยาใต้ใหม่ และสั่งย้ายจุดจอดเรือท่องเที่ยวพัทยาออกจากพื้นที่สาธารณะภายในเดือนตุลาคมนี้โดยไม่มีข้อแม้เพื่อคืนพื้นที่แก่ส่วนรวม หลังกลุ่มเรือใช้ประโยชน์มานานนับสิบปีนั้น
ล่าสุด วันนี้ (25 ต.ค.) นายชวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายอดิเรก ใหม่มงคล ปลัดอาวุธโสอำเภอบางละมุง ในฐานะรักษาการนายอำเภอบางละมุง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง และเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า และเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินการย้ายจุดจอดเรือท่องเที่ยว 2 จุด คือ บริเวณที่จอดเรือเอกชนภายในซอยกอไผ่ และพื้นที่จอดเรือหาดจอมเทียน เพื่อหาทางออกให้ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเป็นไปตามคำสั่ง คสช.ในการเคลื่อนย้ายจุดจอดเรือท่องเที่ยว
นายชวลิตร แสงอุทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งเป็นไปตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.14 ในฐานะ คชส.พื้นที่ชลบุรี และระยอง ที่มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการนำเรือท่องเที่ยวเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่สาธารณะ ท่าเรือเทียบเรือแหลมบาลีฮายภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็เพื่อมาติดตามการดำเนินการของผู้ประกอบการเรือในเรื่องของการเคลื่อนย้ายว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน รวมถึงการติดตามปัญหาอุปสรรคในเรื่องที่จอดเรือท่องเที่ยวแห่งใหม่ ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดจอดเรือแห่งใหม่ภายซอยกอไผ่นั้นซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน มีพื้นที่รวม 14 ไร่ สามารถรองรับเรือท่องเที่ยวได้กว่า 500 ลำ หากผู้ประกอบการย้ายไปจอดพื้นที่ดังกล่าวก็เพียงพอต่อจำนวนเรือท่องเที่ยวที่มีอยู่ แต่ผู้ประกอบการจะประสบปัญหาเรื่องของการเคลื่อนย้ายเวลาให้บริการนักท่องเที่ยว
นายชวลิตร เปิดเผยด้วยว่า เนื่องจากภาครัฐได้กำหนดจุดขึ้นลงเรือไว้ที่ซอย 14 และซอย 14 จอมเทียนเท่านั้น หากมีการจอดเรือในพื้นที่ที่เอกชนจัดไว้จะทำให้ผู้ประกอบการต้องเคลื่อนย้ายเรือมาให้บริการนักท่องเที่ยวในระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้กระทบต่อการสัญจรไปมาของประชาชน
จึงอยากให้ผู้ประกอบการเรือหาพื้นที่จุดจอดเรือท่องเที่ยวบริเวณใกล้หาดจอมเทียนเพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้ายเรือ และขอยืนยันว่า การนำเรือลงบริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายนั้นไม่อนุญาตให้นำเรือลงบริเวณดังกล่าวอย่างแน่นอน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจาก คสช.
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตภาครัฐจะมีการบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายเป็นพื้นที่ขนถ่ายเรือต่างๆ มารวมกันตรงบริเวณดังกล่าว และจะสั่งห้ามไม่ให้มีการให้บริการนำนักท่องเที่ยวขึ้นลงบริเวณชายหาดฝั่งพัทยาโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศต่อไปด้วยเช่นกัน
