ศูนย์ข่าวศรีราชา - เรือท่องเที่ยวพัทยาจัดประชุมเร่งด่วน หลัง คสช.มีนโยบายย้ายจุดจอดเรือด่วน ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เผยน้อมรับการปฏิบัติ แต่อาจเกิดปัญหาความล่าช้า หลังการสรรหาพื้นที่เอกชนทำจุดจอดใหม่ไม่คืบด้วยพื้นที่ไม่เพียงพอต่อปริมาณเรือกว่า 1,200 ลำ เตรียมจัดทำหนังสือขอผ่อนผันเวลาเพิ่ม 15 วัน
จากกรณีที่ คสช.มีนโยบายให้ดำเนินการจัดระเบียบท่าเทียบเรือท่องเที่ยวพัทยาใต้ แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และทวงคืนพื้นที่สาธารณะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังเป็นแผนการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับการจัดกิจกรรมสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในช่วงปลายปี 2560 โดยเน้นการจัดระเบียบพื้นที่จอดเรือ และการปรับปรุงท่าเทียบเรือพัทยาใต้ ก่อนเจ้าหน้าที่ คสช.มีคำสั่งให้นำเรือท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ โดยให้เวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายสนิท บุญมาฉาย ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวพัทยา เรียกประชุมผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยเสียงในที่ประชุมทั้งหมดประกาศจะให้ความร่วมมือต่อภาครัฐในการจัดระเบียบพื้นที่อย่างจริงจัง และจะทำการเคลื่อนย้ายเรือออกจากจุดจอดเพื่อให้รัฐนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวพบว่า ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก เนื่องจากการสรรหาพื้นที่ขอเอกชนเพื่อเช่าทำลานจอดแห่งใหม่นั้น พบว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถสรรหาที่ที่เหมาะสม และมีพื้นที่เพียงพอต่อการรองรับปริมาณเรือท่องเที่ยวที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 1,200 ลำได้
อีกทั้งหากพื้นที่จอดแห่งใหม่เป็นเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลจากชายหาด และเมืองพัทยา ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อปัญหาการจราจรในเรื่องของการเคลื่อนย้ายเรือ นอกจากนี้ ยังต้องประสบปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแต่ละวัน และเชื้อเพลิงที่จะมีผลต่อเนื่องไปถึงอัตราค่าบริการที่ต้องปรับสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้อีกด้วย ส่วนพื้นที่ของโครงการที่จอดเรือนั้นก็พบว่าปัจจุบันยังคงมีสภาพไม่พร้อมใช้งาน และรองรับปริมาณเรือได้เพียงจำกัดเท่านั้น
นายสนิท เปิดเผยว่า เข้าใจเจตนารมณ์ของรัฐในการจัดระเบียบ และขอคืนพื้นที่สาธารณะ โดยในส่วนของผู้ประกอบการก็ไม่ปฏิเสธ และพร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ระยะเวลาการดำเนินการที่จำกัดทำให้เกิดปัญหาเนื่องจากการสรรหาพื้นที่เป็นไปด้วยความลำบาก ด้วยเหตุนี้ ทางผู้ประกอบการจึงมีแนวทางที่จะจัดทำหนังสือเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงรวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนนำเสนอต่อศูนย์ดำรงธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอผ่อนผันระยะเวลาในการดำเนินการเลื่อนออกไปอีก 15 วัน จากช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เพื่อทำการสรรหาพื้นที่รองรับการจอดเรือที่เหมาะสมใหม่
โดยกรณีดังกล่าวหากไม่ได้รับการอนุมติก็คงต้องนำเรือที่เหลือลงไปจอดทอดสมอไว้ในทะเล ซึ่งก็คงเกิดปัญหาเรื่องของความเสียหาย แต่คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะต้องทำตามนโยบาย แต่ก็อยากรอฟังผลการพิจารณาที่ชัดเจนเพื่อนำมาปฏิบัติต่อไป
