เรือท่องเที่ยวพัทยา น้อมรับบัญชา คสช. จัดระเบียบท่าเรือบาลีฮาย

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวพัทยา น้อมรับบัญชา คสช.กรณีขอคืนพื้นที่สาธารณะ ระบุปัจจุบันมีการโยกย้ายจุดจอดเรือออกไปแล้วกว่า 30% แต่ตัดพ้อเงื่อนไขเวลาดำเนินการระยะสั้นเกินไป ทำให้เกิดปัญหาการสรรหาพื้นที่รองรับไม่ทันเวลา

นายสนิท บุญมาฉาย ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จากกรณีที่ คสช.มีนโยบายในการจัดระเบียบบริเวณท่าเทียบเรือใหม่ โดยเฉพาะกรณีของการสั่งให้มีการโยกย้ายพื้นที่จอดเรือท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งกำหนดให้ทำการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่สาธารณะบริเวณท่าเรือไปใช้พื้นที่ท่าเทียบเรือแห่งใหม่ของเมืองพัทยา และพื้นที่ภาคเอกชนใกล้เคียง

ทั้งนี้ เพื่อนำพื้นที่ที่ใช้จอดเรือท่องเที่ยวซึ่งใช้งานมานานนับ 10 ปีไปทำประโยชน์ในการปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สันทนาการ สวนสาธารณะ และรองรับโครงสร้างของอาคารที่จะจัดทำเพื่อรองรับการจัดงานสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2560 โดยกำหนดให้ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนวันที่ 31 ตุลาคมศกนี้นั้น

สำหรับกรณีดังกล่าว ทางผู้ประกอบการคงไม่ได้ติดใจอะไร และพร้อมให้ความร่วมมือต่อภาครัฐอย่างเต็มที่ ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็มีการโยกย้ายเรือท่องเที่ยวออกไปแล้วบางส่วนประมาณ 30% ของจำนวนเรือทั้งหมดกว่า 1,200 ลำ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะเวลาของคำสั่งที่ประกาศให้เคลื่อนย้ายนั้นรวมเวลาดำเนินการมีเพียง 18 วันเท่านั้น ทำให้รู้สึกหนักใจว่าอาจมีปัญหาอยู่บ้าง ทั้งนี้ เพราะจำเป็นต้องเร่งรัดให้การสรรหา และทำสัญญาเช่าพื้นที่ว่างเปล่ากับภาคเอกชน ซึ่งก็ต้องมีพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับจุดขึ้นลงเรือบริเวณชายหาดจอมเทียน แต่พบว่าพื้นที่ว่างเปล่าในลักษณะนี้ค่อนข้างหาได้ยาก หรือถ้ามีก็จะอยู่ห่างไกลจากชายทะเล อีกทั้งยังมีสนนราคาค่าเช่าที่สูง จึงทำให้เกิดความวิตกกังวลในกลุ่มของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ยังไม่มีพื้นที่รองรับว่าสุดท้ายแล้วหลังจากวันที่ 31 ตุลาคม จะนำเรือไปจอดพักไว้ยังบริเวณใด

นายสนิท กล่าวต่อไปว่า ขณะที่พื้นที่ของภาคเอกชนที่ประสานเช่าไว้บริเวณกลางซอยกอไผ่ พัทยาใต้ ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 14 ไร่ ที่จะสามารถนำเรือมาจอดพักได้จำนวนหลายร้อยลำนั้น ล่าสุดจากการประชุมของภาครัฐก็แจ้งให้ทราบว่า พื้นที่แห่งนี้อยู่กลางชุมชน และมีถนนค่อนข้างคับแคบจึงอาจทำให้เกิดปัญหาผลกระทบต่อการจราจร และความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงการเคลื่อนย้ายเรือในแต่ละวัน

พร้อมขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้ทำการสรรหาที่จอดใหม่ใกล้เคียงกับท่าขึ้นลงนั้น กรณีนี้ยังคงไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร รู้แต่เพียงว่าในวันดีเดย์ก็คงต้องเอาเรือออกจากจุดจอดเดิมมาก่อน ส่วนจะไปพักเรือไว้ที่ใดนั้นคงต้องหารือกันใหม่อีกครั้ง

สำหรับการปรับรูปแบบการให้บริการนั้นตอนนี้ยังไม่คิดแผนรองรับไว้ว่าจะเปิดจุดบริการนักท่อง เที่ยว และรูปแบบการเดินเรือแบบใดเพื่อรับส่ง เนื่องจากมีพื้นที่ห่างไกลจากเดิมซึ่งคงต้องมีเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่ต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน