ลำปาง - เพื่อนบ้าน พร้อมตำรวจกล่อมกันวุ่น หลังพบคุณตาวัย 78 ปีถูก ทน.ลำปางฟ้องไล่ที่ ศาลพิพากษาทั้งจำและปรับ โทษจำรอลงอาญา 2 ปี จนลูกต้องไปยืมเงินมาจ่าย-ชาวบ้านลงขันเช่าบ้านให้อยู่ชั่วคราว คิดไม่ตกถือเชือกไนลอนจะผูกคอตายใต้ต้นโพธิ์ใกล้บ้านเดิม เดชะบุญช่วยกันกล่อมได้
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านชุมชนสิงห์ชัย เทศบาลนครลำปาง ร่วม 10 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองลำปาง 2 นาย ได้เข้าระงับเหตุคนผูกคนตาย บริเวณใต้ต้นโพธิ์หน้าบ้านเลขที่ 343/1 ถ.เม็งราย ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง
ซึ่งพบว่าผู้ที่ก่อเหตุจะผูกคอตายคือ คุณตาแก้วมูล ศรีสุข อายุ 78 ปี ที่ถือเชือกไนลอนสีเขียวยืนติดกำแพงรั้วใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ติดบ้านหลังดังกล่าว โดยมีชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ยอมออกมาจากใต้ต้นโพธิ์
เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่า 10 นาทีคุณตาแก้วมูลเริ่มคลายความเครียด และยอมให้คนเข้าไปหา พร้อมกับนำเชือกออกมา ก่อนที่จะมีการพาตัวคุณตาแก้วมูลเดินมานั่งสงบจิตใจบริเวณหน้าบ้าน โดยมีลูกสาวที่ตามมาหาพ่อร้องห่มร้องไห้เมื่อทราบว่าพ่อจะผูกคอตาย
จากการสอบถามลูกสาวคุณตาแก้วมูลทราบว่า คุณตาแก้วมูลออกจากบ้านเลขที่ 343/1 ที่เกิดเหตุ เข้ามาอยู่ที่บ้านเช่า โดยมีคนช่วยกันจ่ายเงินค่าเช่าให้ 4 พันบาท หลังถูกเทศบาลนครลำปางยื่นฟ้องขับไล่ และศาลจังหวัดลำปางมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 59 ว่าจำเลยคือนายแก้วมูล ศรีสุข มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) 108 ทวิ วรรคสอง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21, 65 วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 66 ทวิ วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 69 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป
โดยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานเข้าไปยึดครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท ฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยกระทำเองเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งไม่รื้อถอนอาคาร ตามเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท รวมจำคุก 12 เดือน และปรับ 7,000 บาท
จำเลยรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 3,500 บาท พิเคราะห์จากรายงานการสืบเสาะ และพินิจแล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยเคยเป็นลูกจ้างของเทศบาลฯ เคยอยู่อาศัยที่พิพาทมาก่อน แต่เกษียณอายุราชการแล้ว โทษจำคุกให้รอมีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และให้จำเลยชำระค่าปรับ (ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 57-30 เม.ย. 58) เป็นเงิน 25,500 บาท และปรับอีกวันละ 100 บาท นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 58 เป็นต้นไปจนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่ง
จากคำพิพากษาของศาลดังกล่าว ทำให้ลูกสาวของคุณตาแก้วมูลต้องหยิบยืมเงินคนอื่นๆ เพิ่มอีกกว่า 30,000 บาท จากที่เคยยืมเงิน เพื่อประกันตัวคุณตาแก้วมูลก่อนหน้านี้แล้ว 80,000 บาท เพื่อนำมาชำระค่าปรับ และขนย้ายข้าวของออกไปจากบ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งคนรู้จักต่างร่วมสมทบเงินเป็นค่าเช่า 4,000 บาทให้ก่อน
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวทำให้คุณตาแก้วมูล ซึ่งเป็นความดัน และโรคหัวใจ เริ่มมีอาการเครียดหนักขึ้น จนเช้าวันนี้ได้เดินหายออกจากบ้านไป กระทั่งมีคนโทรศัพท์แจ้งว่าพ่อจะผูกคอตายที่บ้านเดิมดังกล่าว
ก่อนหน้านี้เทศบาลนครลำปางส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องขับไล่นายแก้วมูล ศรีสุข ออกจากพื้นที่ ซึ่งเทศบาลนครลำปางระบุว่าเป็นที่สาธารณะ และได้รับการร้องเรียน โดย พ.ต.ท.นิมิตร เอ๋ยานะ พนักงานอัยการจังหวัดลำปาง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายแก้วมูล ศรีสุข เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดลำปาง ในคดีหมายเลขดำที่ 1624/2559 ฐานความผิดเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ โดยมิได้มีสิทธิครอบครองที่ดินบริเวณซอยพระธาตุป่าเผ่า ข้างโรงแรมทิพย์ช้าง ถนนเม็งราย ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จำนวนพื้นที่ 19.3 ตร.ว. ซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ของแผ่นดิน สำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน และเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของเทศบาลนครลำปาง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อสร้าง ต่อเติมและดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้ รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น
(อ่านเรื่องประกอบใน http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000099687 และhttp://www.manager.co.th/south/viewnews.aspx?NewsID=9590000097688)
ขณะที่นางจุรีย์ ยิ้มอ่อน ประธานชุมชนบ้านสิงห์ชัย และชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในชุมชนได้มีการทำประชาคมหมู่บ้านกันแล้ว โดยเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เทศบาลนครลำปางให้คุณตาแก้วมูลอยู่ที่เดิม เพราะคุณตา และครอบครัวอยู่ที่นี่มานานกว่า 70 ปีแล้ว และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ได้กีดขวางทางใดๆ อย่างที่มีคนร้องเรียน
ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวแม้จะให้ครอบครัวนี้ย้ายออกก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ใดๆ ได้ เนื่องจากแวดล้อมด้วยบ้านของประชาชนทั้งหมด และเทศบาลฯ ก็ไม่เคยมาใช้ประโยชน์ใดๆ และที่น่าแปลกใจคือ บริเวณใกล้กันยังมีบ้านของชาวบ้านคนอื่นๆ ที่มีฐานะดีกว่าของคุณตาแก้วมูล และอยู่ในพื้นที่สาธารณประโยชน์เช่นกัน แต่เทศบาลนครลำปางไม่ดำเนินการใดๆ ทำไมถึงมาดำเนินการกับคุณตาแก้วมูล ซึ่งแทบจะไม่มีเงินเลี้ยงชีพ มีเพียงแค่เงินผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท และลูกสาวทำงานรับจ้างวันละ 130 บาทเท่านั้น
เบื้องต้นหลังเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ประธานชุมชนนำตัวคุณตาแก้วมูลไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง พร้อมกำชับกับลูกสาวให้ดูแลพ่ออย่างใกล้ชิดเพราะเกรงว่าจะหวนกลับมาคิดสั้นเป็นรอบที่สอง