ลำปาง - ชาวบ้านชุมชนสิงห์ชัย เทศบาลนครลำปางรวมตัวขอความเป็นธรรมให้ชายวัยเกือบ 80 ฐานะยากจนถูกเทศบาลนครลำปางฟ้องขับไล่ที่ เจ้าตัวเผยไม่มีที่ไปขอตายที่บ้านหลังนี้
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งว่า ที่บริเวณบ้านเลขที่ 343/1 ถ.เม็งราย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ชาวบ้านชุมชนสิงห์ชัย เทศบาลนครลำปาง นำโดยนางจุรีย์ ยิ้มอ่อน พร้อมด้วยชาวบ้านร่วม 30 คน ได้มารวมตัวกันขอให้ช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมให้แก่ ลุงแก้วมูล ศรีสุข อายุ 77 ปี ซึ่งพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวมาตลอดชั่วชีวิตตั้งแต่สมัยคุณพ่อรวมแล้วกว่า 70 ปี หลังถูกเทศบาลนครลำปางส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องให้ขับไล่ออกจาพื้นที่ ซึ่งเทศบาลนครลำปางระบุว่าเป็นที่สาธารณะ
โดยพันตำรวจโท นิมิตร เอ๋ยานะ พนักงานอัยการจังหวัดลำปาง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายแก้วมูล ศรีสุข เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดลำปาง ในคดีหมายเลขดำที่ 1624/2559 ในฐานความผิดเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ก่อสร้าง ต่อเติมและดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น
พนักงานอัยการได้บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 57 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจครอบครองที่ดินบริเวณซอยพระธาตุป่าเผ่าข้างโรงแรมทิพย์ช้าง ถนนเม็งราย ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง จำนวนพื้นที่ 19.3 ตร.ว. ซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน และเป็นที่ดินของรัฐซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของเทศบาลนครลำปาง โดยจำเลยได้สร้างบ้านหรืออาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้นสำหรับพักอาศัย โดยจำเลยไม่มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 58 เจ้าพนักงานเทศบาลนครลำปางตรวจพบการกระทำผิดจึงมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ดำเนินการดังกล่าวออกภายใน 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่ง และเทศบาลนครลำปางได้ออกหนังสืออีกครั้งเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 58 ให้จำเลยรื้อถอนอาคารดังกล่าวอีกครั้ง แต่จำเลยมิได้ปฏิบัติตาม เจ้าพนักงานเทศบาลนครลำปางจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง และศาลนัดฟังคำสั่งในเดือน พ.ย. 59 นี้
ซึ่งจากการสอบถามลุงแก้วมูล ทราบว่าบ้านที่ตนเองพักอาศัยซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวปัจจุบันอยู่ในสภาพทรุดโทรม ได้อาศัยมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ ซึ่งก็อายุกว่า 70 ปีแล้ว เมื่อก่อนที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นป่ารกทึบไม่มีผู้อยู่อาศัย คุณพ่อของตนได้มาบุกเบิกและสร้างบ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ณ ที่แห่งนี้มาโดยตลอด
จนกระทั่งตนได้ทำงานเป็นลูกจ้างประจำของเทศบาลเมืองลำปางเป็นพนักงานกวาดขยะ เงินเดือนน้อยทางนายกเทศมนตรีก็อนุเคราะห์ตนและครอบครัวให้อยู่ที่นี่ตามเดิมเพราะตนอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และที่สำคัญปัจจุบันตนก็ไม่ได้ทำงานแล้วเนื่องจากอายุมาก ได้รับเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาท และไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนไม่มีที่ไป จึงจะขอตายที่นี่
“หากจะให้ผมไปอยู่ที่อื่นคงไม่มีปัญญา ขอความเมตตาให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไปเพราะคงอีกไม่กี่ปีผมก็คงต้องตาย เพราะปัจจุบันก็ป่วยเป็นความดัน สมองก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว” ลุงแก้วมูลกล่าว
ขณะที่เพื่อนบ้านที่มาร่วมขอความเป็นธรรมให้แก่ลุงแก้วมูลระบุว่า ตนเห็นครอบครัวนี้อาศัยอยู่ที่แห่งนี้มาตั้งแต่เด็กๆ คนในชุมชนรักลุงแก้วมูล และลุงก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร เวลามีงานส่วนรวมลุงแก้วมูลจะไปช่วยเหลือเสมอมิได้ขาด จนถึงปัจจุบันที่อายุมากขึ้นและทำงานไม่ค่อยได้ จึงอยากขอความเห็นใจให้ครอบครัวของลุงแก้วมูลเพราะฐานะก็ยากจน บ้านที่พักอาศัยก็ทรุดโทรม รายได้ก็ไม่มากต้องอยู่อาศัยรวมกันถึง 5 ชีวิต หากจะบอกว่าเพิ่งมาพบการบุกรุกคงไม่ใช่เพราะที่แห่งนี้ลุงแก้วมูลก็อาศัยมาตั้งแต่เกิดตั้งแต่สมัยคุณพ่อแล้ว และคุณลุงแก้วมูลและครอบครัวก็ไม่ได้ต้องการเอกสารสิทธิใดๆ เพียงต้องการแค่เป็นที่พักอาศัยเท่านั้น ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองควรมองเรื่องหลักจริยธรรมและคุณธรรมด้วย ซึ่งบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะความสงสาร