ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ -เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ “ไฟล์ท ออฟ เดอะ กิบบอน” ที่นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล 3 ราย ประสบอุบัติเหตุระหว่างใช้บริการเล่นซิปไลน์ตกลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้น ทางอำเภอให้ทางนายก อบต.ห้วยแก้ว ลงนามหนังสือสั่งปิดบริการไม่มีกำหนดเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตั้งข้อสังเกต สภาพพื้นที่เป็นป่าต้นน้ำชั้นดี มีความอุดมสมบูรณ์สูง กำลังเร่งประสานกรมที่ดินทำการตรวจสอบการใช้ครอบครองใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ จนท.ยังตรวจสอบพบด้วยมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยจดทะเบียน และมีที่ตั้งอยู่ในภาคอีสาน แต่กลับมาเปิดบริการที่เชียงใหม่ หากพบผิดจ่อฟันทำธุรกิจนำเที่ยวเถื่อน
จากกรณีที่วานนี้ (16 ธ.ค.) นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล จำนวน 3 คน ประสบอุบัติเหตุระหว่างการใช้บริการเล่นโหนสลิง หรือซิปไลน์ ของผู้ประกอบการชื่อ ไฟล์ท ออฟ เดอะ กิบบอน (Flight of the Gibbon) ในตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดการชนกันระหว่างการโหนสลิงแล้วตกลงมาได้รับบาดเจ็บโดย 2 ใน 3 คน มีอาการสาหัส ต้องเร่งนำส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ จนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 1 คน เป็นเด็กชายได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก และสามารถกลับที่พักได้นั้น
ช่วงเที่ยงวันนี้ (17 ธ.ค.) พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย น.ส.ภัทราพร ลายจุด นายอำเภอแม่ออน เจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแก้ว ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเข้าทำการตรวจสอบการเปิดให้บริการของไฟล์ท ออฟ เดอะ กิบบอน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเล่นโหนสลิง หรือซิปไลน์ ที่นักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้มีนายเกรียงไกร สีหอำไพ ผู้จัดการของไฟล์ท ออฟ เดอะ กิบบอน แสดงตัวเป็นผู้ดูแล
โดยเบื้องต้น ในการตรวจสอบครั้งนี้ทางนายอำเภอแม่ออน ได้มีประสานสั่งการให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแก้ว โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแก้ว ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และแก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ.2558 ทำหนังสือสั่งการให้ผู้ประกอบการรายนี้ปิดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เพื่อตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ และมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ อย่างละเอียด จากนั้นจัดทำรายงานเพื่อนำเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะที่ทางเจ้าหน้าจากสำนักบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ระบุว่า พื้นที่ที่ผู้ประกอบการรายนี้ใช้แจ้งขออนุญาตต่อทางท้องถิ่นเพื่อเปิดบริการมีจำนวน 14 ไร่ โดยเป็นใบ สค.1 จำนวน 2 ใบ ใบแรกพื้นที่ 4 ไร่ และอีกใบพื้นที่ 10 ไร่ ซึ่งทางป่าไม้ กำลังประสานกับทางกรมที่ดิน ในการทำการตรวจสอบการครอบครอง และการใช้ประโยชน์ที่ดิน เนื่องจากพบว่าโดยสภาพเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำชั้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ A1
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ประกอบการรายนี้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จากกรมการท่องเที่ยว ใบอนุญาตเลขที่ 54/00013 จากนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 1 เมื่อ 27 ก.ค.2559 ในชื่อของ บริษัท ทรี ท๊อป แอดแวนเจอร์ จำกัด สำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 128 หมู่ที่ 17 ตำบลนิคม อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีการประกอบธุรกิจผิดไปจากที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยเฉพาะหากตรวจสอบไม่พบว่ามีการตั้งสาขา หรือตั้งบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อาจเข้าข่ายความผิดนำเที่ยวเถื่อน
