เปิดตัวอย่าง “ชุดโครงการกลุ่มจังหวัด” ก่อนรับเงิน 1 แสนล้าน ปีหน้า นำเสนอทีมบูรณาการกลาง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ากระบวนการกลั่นกรอง และให้ข้อเสนอแนะ ตั้งเป้าให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และนโยบายของรัฐบาลที่กำหนด เผย ต้องเป็นโครงการให้ครอบคลุมทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ภายใต้แนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
วันนี้ (15 ธ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายแนวทางการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยรัฐบาลจะจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 100,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับกลุ่มจังหวัด
ทั้งนี้ ตามโรดแมปแล้วช่วงนี้ กลุ่มจังหวัดจะได้นำเสนอโครงการต่อทีมบูรณาการกลาง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (สถานที่ในกรุงเทพมหานคร) เพื่อกลั่นกรองและให้ข้อเสนอแนะชุดโครงการเบื้องต้น (Value Chain, Project Idea) ว่า สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดหรือไม่ รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการ
“วันที่ 16 - 26 ธันวาคม 2559 กลุ่มจังหวัดได้จัดทำรายละเอียดโครงการ (Value Chain, Project Idea) ที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองเบื้องต้น โดยจะมีทีมบูรณาการกลางจากกระทรวง/กรม ที่เกี่ยวข้องลงไปช่วยเขียนโครงการ และรับผิดชอบเป็นหน่วยดำเนินการ”
มีรายงานว่า ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย เผยแพร่ตัวอย่างโครงการในรูปแบบห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนำไปปรับใช้เป็นแนวทางในการจัดทำโครงการให้ครอบคลุมทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับแบบฟอร์มการจัดทำโครงการภายใต้แนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น
1. โครงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) ในระดับกลุ่มจังหวัด เช่น หากต้องกำหนดแผนต้นทางของกิจกรรม อาทิ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมาย พัฒนาเครือข่ายบริการด้านการท่องเที่ยว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว (ถนน/เครือข่ายสารสนเทศ/ที่พัก เป็นต้น) โดยกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มจังหวัด ร่วมมือกับเอกชน และต้องกำหนดแผนกลางทาง เช่น กิจกรรมพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการท่องเที่ยว พัฒนาธุรกิจใหม่ (Startup) เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว พัฒนาสินค้าของฝากที่ระลึก ต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบซึ่งอาจเป็นกลุ่มจังหวัดร่วมกับภาคเอกชน สุดท้ายจะต้องมีแผนปลายทาง เช่น กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว (ปฏิทินการท่องเที่ยวตลอดปี แผนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวผ่านสื่อต่างๆ) โดยมีผู้รับผิดชอบอาจะเป็นกลุ่มจังหวัดร่วมกับเอกชน
นอกจากนี้ ยังจะต้องสอดคล้องกับแผนระดับกระทรวง อาทิ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว อนุรักษ์ทรัพย์สินเชิงวัฒนธรรมในแหล่งท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้เป็นแผนของกรมการท่องเที่ยว กรมศิลปากร และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นแผนระดับต้นทาง ส่วนกลางทางอาจจะมีแผนพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว และขึ้นทะเบียนทรัพย์ทางปัญญา และมีแผนจัดโรดโชว์เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นแผนปลายทาง
ส่วนในระดับท้องถิ่น ก็อาจจะมีแผนพัฒนามัคคุเทศก์อาสาในพื้นที่ จัดทำเรื่องราว (story) ของแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น ของชำรวย เป็นแผนต้นทาง มีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในระดับกลางทาง และให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นแผนปลายทาง โดยมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ยังจัดทำตัวอย่างกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหาร เกษตรแปรรูป ผักผลไม้ ข้าว สมุนไพร และ เนื้อโคขุน เป็นตัวอย่างกิจกรรมให้กลุ่มจังหวัดพิจารณาด้วย
มีรายงานด้วยว่า ขณะที่ กระทรวงการคลัง ได้เตรียมการในการออกพันธบัตรมูลค่า 100,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับกลุ่มจังหวัด เพื่อนำไปลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอจัดทำงบประมาณกลางปี 2560 เนื่องจากงบประมาณปี 2560 มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559 จึงไม่สามารถเพิ่มเติมรายจ่ายนอกเหนือจากที่ระบุเอาไว้ใน พ.ร.บ. งบประมาณปี 2560 ได้
“พันธบัตร 1 แสนล้านบาท จะออกได้ก็ต่อเมื่อกลุ่มจังหวัดกำหนดโครงการที่จะลงทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงการคลังจะกู้เงินภายในประเทศ ด้วยการออกพันธบัตรในต้นปีหน้า เป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้กับประชาชน ส่วนอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีการกำหนด ส่วนหากมีวงเงิน 1 แสนล้านบาท เหลือหลังนำไปใช้ทำโครงการกลุ่มจังหวัด จะนำเงินไปลงในกองทุนหมู่บ้านต่อ ซึ่งการทำโครงการของกลุ่มจังหวัด ในหลักการจะมียุทธศาสตร์ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอยู่แล้ว ให้ทำโครงการเป็นไปตามยุทธศาสตร์ จากเดิมอาจเป็นแผน 5 - 10 ปี แต่เมื่อมีงบประมาณมาให้แบบนี้ ก็สามารถขยับแผนเข้ามาทำโครงการได้เลย โดยโครงการจะให้ประชารัฐ ทั้งภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมกันทำ จุดประสงค์หลัก คือ การอยู่ดีกินดีของคนในพื้นที่
