“ชาวนนท์ ช่วยชาวนา” มหกรรมช่วยเหลือชาวนาไทย

นนทบุรี-“ชาวนนท์ ช่วยชาวนา” มหกรรมช่วยเหลือชาวนาไทย โดยพี่น้องชาวนาตัวจริงจากทั่วประเทศ เดินทางมาขายข้าวราคาพิเศษด้วยตัวเอง ที่ จ.นนทบุรี

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่บริเวณลานหงษ์ทอง หน้าบริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี นายสมยศ ศิลปีโยดม ปลัดจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับนายประสิทพงษ์ ดีวาจิน รองนายกเทศมนตรีนครนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงาน ชาวนนท์ ช่วยชาวนา

งานชาวนนท์ ช่วยชาวนา จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นมหกรรมช่วยเหลือชาวนาไทยครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งพี่น้องชาวนาจากทั่วประเทศสามารถเดินทางมาจำหน่ายข้าวได้ตนเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าและผลผลิตด้านการเกษตรมาร่วมจำหน่ายอีกหลายอย่าง

สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือสนับสนุนในเรื่องงบประมาณ และสถานที่การจัดงาน จากข้าวตราหงษ์ทอง ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้งจำกัด ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน - วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2559 ณ บริเวณลานหงษ์ทอง หน้าบริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด อ.เมือง จ.นนทบุรี

ด้าน นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปี 59/60 ขณะนี้เกษตรกรต้องเผชิญกับภาวะข้าว เปลือกราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นผลจากกลไกตลาดที่เกิดการชะลอซื้อ แต่ในขณะที่ผลผลิตออกมาสู่ตลาดแล้ว

ดังนั้น หงษ์ทองซึ่งเป็นผู้รับซื้อและจำหน่ายข้าวหอมมะลิทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จึงได้เข้าให้การช่วยเหลือด้วยการเร่งระดมซื้อข้าวจากเกษตรกรชาวนาในพื้นที่ ด้วยราคาที่เป็นธรรมที่สุด และเพื่อให้ชาวนาได้มีโอกาสขายข้าวโดยตรงถึงผู้มือบริโภค บริษัทฯ จึงได้มาร่วมจัดงาน ชาวนนท์ ช่วยชาวนา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เชิญเกษตรกรชาวนาตัวจริงมาร่วมงานพร้อมทั้งนำผลผลิตข้าวสารจากแปลงนามาขายตรงถึงมือผู้บริโภคอีกด้วย

โดยเกษตรกรที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประกอบด้วยจากจังหวัดสุรินทร์ 4 ราย จังหวัดศรีสะเกษ 6 ราย จังหวัดยโสธร 1 ราย จังหวัดมหาสารคาม 1 ราย จังหวัด กาญจนบุรี 1 ราย และจังหวัดชัยนาท 2 ราย รวมชาวนาจากจังหวัดต่าง ๆ ทั้งสิ้น 15 ราย นำข้าวมาร่วมจำหน่ายกว่า 20,000 กิโลกรัม
.
ดร.มนัส ชูผกา ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สายบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ได้กล่าวว่า “นอกจากการร่วมจัดงานฯ ข้างต้นแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้จัดทำ โครงการหงษ์ทองนาหยอด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาพันธุ์ข้าวหอมมะลิ ซึ่งได้สอดคล้องกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ได้พระราชทานแก่ผู้นำกลุ่มชาวนาเมื่อวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2508 ซึ่งเป็นพระราชดำรัสเปิดการชุมนุมกลุ่มผู้นำชาวนาทั่วประเทศ ครั้งที่ 3 นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องลดต้นทุนการทำนา

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พยายามหาวิธีการตอบโจทย์ด้วยการทำนาที่หลายหลายวิธี จนในที่สุดได้ค้นพบว่าการทำนาหยอดแบบแห้ง เป็นวิธีการที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะช่วยลดต้นทุนการปลูกข้าว โดยใช้เมล็ด พันธุ์น้อยเพียง 10 กิโลกรัมต่อไร่

จากเดิมในอดีตที่เกษตรกรทำนาหว่าน ต้องใช้เมล็ดพันธ์ถึง 25-35 กิโลกรัมต่อไร่ และยังต่อเสียค่ายาปราบศัตรูพืชและค่าปุ๋ยเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกษตรกรมีต้นทุนในการปลูกข้าวที่สูง นอกจากนี้การทำนาหยอดยังช่วยให้เมล็ดพันธุ์มีอัตราการงอกที่ดี ข้าวที่ฝังในดินไม่ถูกทำลายด้วยสัตว์และแมลง เมื่อฝนตกจะมีอัตราการงอกสูง ซึ่งนาหยอดจะใช้หลักการเดียวกับนาดำ ผลผลิตที่ได้จะขึ้นเรียงกันเป็นเป็นแนว สามารถบริหารจัดการวัชพืชได้ง่าย มองเห็นต้นข้าวและคำนวณการให้ปุ๋ยได้ชัดเจน อีกทั้งต้นข้าวจะแตกกอได้ดีเพราะไม่แน่นเกินไป ปริมาณข้าวออกรวงสูงและเมล็ดสวยงาม

จากผลการทดลองปลูกที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการปลูกจากเดิม 3,060 บาทต่อไร่ ลดลง 485 บาทต่อไร่ เหลือ 2,575 บาทต่อไร่ หรือคิดเป็น 16% และช่วยเพิ่มผลผลิต จากเดิม 451 กิโลกรัมต่อไร เพิ่มขึ้น 108 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 559 กิโลกรัมต่อไร่ หรือคิดเป็น 24% โดยชาวนาที่มาเข้าร่วมโครงการหงษ์ทองนาหยอด จะไม่ต้องมีพันธะสัญญาใดๆ ที่บังคับให้ต้องขายผลผลิตให้กับข้าวตราหงษ์ทอง แต่ถ้าเกษตรกรชาวนาต้องการนำข้าวมาขายให้กับหงษ์ทอง ทางบริษัทฯ ก็ยินดีที่จะรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาด ในกิโลกรัมละ 50 สตางค์ อีกด้วย