ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าท่าพัทยา ระบุ “สระว่ายน้ำกลางทะเล” ปลูกสร้างล่วงล้ำลำน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำ พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตามขั้นตอน
จากกรณีที่มีประชาชนได้ร้องเรียนว่า มีผู้ประกอบการภาคเอกชนทำการก่อสร้างสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อยู่บนแนวโขดหินหลังโรงแรมขนาดใหญ่ หน้าชายหาดยินยอม เขาพระตำหนัก ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ของสระดังกล่าวอยู่ในทะเล โดยวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบนั้น
ล่าสุด วันนี้ (19 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเมืองพัทยา ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่น่านน้ำและชายฝั่งในเขตเมืองพัทยา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนได้รับการเปิดเผยว่า สำหรับกรณีของสระว่ายน้ำที่มีปัญหาแห่งนี้ได้รับทราบเรื่องจากการร้องเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว และก็ได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบมาตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
เบื้องต้นพบว่า สระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่บางส่วนของโรงแรมโกลเด้นคลิป เฮ้าส์ โดยปรากฏพบสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำเข้าไปในทะเล มีลักษณะเป็นโครงสร้างคอนกรีต และบางส่วนเป็นสระว่ายน้ำในพื้นที่ 26x30 เมตร หรือ 770 ตารางเมตร
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า สระว่ายน้ำดังกล่าวสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2538 ขณะที่ในส่วนของทางโรงแรมก็ได้มีการทำหนังสือขออนุญาตก่อสร้างจากเมืองพัทยา และมีการชำระภาษีมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎหมายตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 ในมาตราที่ 117 ได้ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างผู้ใดปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเขาไปเหนือน้ำ ในน้ำ และใต้น้ำของแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทย หรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าวเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากเจ้าท่าเสียก่อน
ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างนี้จึงถือเป็นการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ซึ่งได้มีการแจ้งให้ทางโรงแรมรับทราบ และได้รับแจ้งว่าจะปฏิบัติตามให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ด้วยเป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้วจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
โดยได้ร่างหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินคดีจากกรณีดังกล่าว ซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าคงอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน และชั้นของการสอบสวน
นายเอกราช กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทางสำนักงานเจ้าท่า ได้ดำเนินการตามกฎหมายที่ดูแลอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เกี่ยวพันกับกฎหมายหลายด้าน ทั้งเรื่องของสิ่งปลูกสร้าง และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนที่ท้องถิ่นจะเข้ามาดูแลจัดการ โดยมีกฎหมายสำคัญอย่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ซึ่งให้อำนาจไว้อย่างเต็มที่ ทั้งการปิดกั้นพื้นที่ การบังคับใช้กฎหมายในการระงับใช้หรือรื้อถอน
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจโรงแรมกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยเมืองพัทยาอยู่ในเขตควบคุมมลพิษ
สำหรับกรณีเรื่องของพื้นที่ปัญหาซึ่งผู้ประกอบการระบุว่า สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว และเจ้าของกิจการปัจจุบันถือเป็นผู้ครอบครองรายใหม่ที่เทกโอเวอร์กิจการมาได้ไม่นาน โดยเฉพาะกรณีของพื้นที่ว่าจะอยู่ในเขตกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น ก็คงต้องมีการตรวจสอบที่แน่ชัดอีกครั้ งหรือต้องต่อสู้กันตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ส่วนด้านปกครองนายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง นายประพันธ์ ประทุมชุมภู ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังฝ่ายปกครอง สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา เข้าทำการตรวจสอบที่ โรงแรมโกลเด้น คลิป เฮ้าส์ ตั้งอยู่เลขที่ 352/55 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่ามีการประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนโรงแรม โดยพบนายวรรธนันท์ ยิ้มละม้าย อายุ 64 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของโรงแรมดังกล่าว และเป็นผู้นำตรวจ ก่อนจะทำการตรวจยึดของกลางจำนวน 8 รายการ อาทิ แผ่นพับโฆษณาโรงแรม บัตรลงทะเบียนเข้าพัก บัตรจองห้องพัก สำเนาบัตรประจำตัวผู้เข้าพักโรงแรม เป็นต้น โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่านายวรรธนันท์ ได้เข้ามาประกอบธุรกิจโรงแรมให้เช่ารายวันมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นโรงแรมขนาด 47 ห้อง ในราคาตั้งแต่ 1,500-5,000 บาท โดยเช่าต่อมาจากเจ้าของกิจการเดิม
ทางด้านเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าการเข้าตรวจสอบดังกล่าวเป็นกรณีเรื่องของการประกอบกิจการธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ซึ่งเป็นภารกิจที่ทางอำเภอบางละมุงดำเนินการมาตามปกติไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของสระว่ายน้ำในทะเลแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนั้นเป็นส่วนของเจ้าท่าและท้องถิ่นที่กำกับดูแล โดยในส่วนของโรงแรมนั้นแต่เดิมได้ขออนุญาตประกอบกิจการในลักษณะห้องพักรายเดือน แต่มาภายหลังได้มีการเปิดให้บริการในลักษณะรายวัน ซึ่งเข้าข่ายการประกอบธุรกิจโรงแรมที่ต้องมีการขออนุญาตจากนายทะเบียนอย่างถูกต้อง จึงเข้าทำการตรวจสอบกระทั่งพบความผิดจึงแจ้งข้อกล่าวหาซึ่งทางผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนส่งเรื่องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการเปรียบเทียบปรับ โดยทางผู้ประกอบการได้ขอยื่นประกันตัว 40,000 บาท จากนั้นทางผู้ประกอบการก็จะไปแก้ไขและมาทำการขออนุญาตให้ถูกต้องต่อไปได้