xs
xsm
sm
md
lg

ลูกทรพีคิดฆ่าพ่อ จุดไฟเผาบ้านวอดหมดทั้ง 2 หลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ลูกทรพีจุดไฟเผาบ้านวอดหมดทั้งสองหลัง
ฉะเชิงเทรา - หนุ่มลูกทรพีจุดไฟเผาบ้านบุพการีก่อนรุ่งสาง ทรัพย์สินวอดเสียหายจนหมดสิ้นเนื้อประดาตัวไปในกองเพลิง พร้อมทั้งยังบอกสั่งลากับทางญาติหน้าตาเฉยว่า จุดไฟเผาบ้านตัวเองแล้ว ก่อนฉวยรถ จยย.ของเพื่อนบ้านขับหลบหนีไป ด้านบิดาสาปส่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมเอาผิด เผยทนมานานกว่า 20 ปี ที่ถูกบุตรชายจองเวรพยายามฆ่าให้ตาย

วันนี้ (19 พ.ย.) ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย ไตรบุตร รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในหมู่บ้านหัวฝาย เลขที่ 32/31 ม.22 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้านของนายสมพงษ์ คำพระ อายุ 55 ปี และนางสนิท คำพระ อายุ 48 ปี จึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ

ที่เกิดพบรถน้ำดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลคลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ กำลังใช้น้ำฉีดดับเพลิงอยู่ จำนวน 1 คัน จนเวลาผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ตัวบ้านได้ถูกไฟไหม้เผาวอดไปหมดแล้วทั้ง 2 หลัง ซึ่งปลูกสร้างติดกัน ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ชั้นบนเป็นไม้ และชั้นล่างเป็นคอนกรีต 1 หลัง และเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว 1 หลัง

สอบสวนชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ้านในครั้งนี้เกิดขึ้นจากบุตรชายของเจ้าของบ้านเอง คือ นายสรศักดิ์ คำพระ อายุ 32 ปี เป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาบ้าน โดยเพลิงได้เริ่มลุกไหม้ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.50 น.

ก่อนที่ นายสรศักดิ์ จะเดินเข้าไปปลุก นายเดชา ขันตรี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/18 ม.22 เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน โดยบอกแก่ นายเดชา ว่า ได้จุดไฟเผาบ้านแล้ว ก่อนที่จะคว้าเอารถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค ของ นายเดชา ขับหลบหนีออกไป

ขณะที่เพื่อนบ้านอีกรายนั้นเห็นเพลิงลุกไหม้บริเวณตัวบ้านชั้นเดียวก่อน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนายสมพงษ์ ก่อนที่จะลุกลามเข้าไปลุกไหม้ยังบ้าน 2 ชั้นที่ นายสรศักดิ์ อาศัยอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือดับไฟให้ เนื่องจาก นายสรศักดิ์ มีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงจึงต้องรอให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกไปก่อน จึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง จนลามไหม้บ้านเสียหายไปหมดทั้ง 2 หลัง

ด้าน นายสมพงษ์ ให้การว่า ได้ถูกบุตรชายในไส้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่กำเนิด จองเวรเข้ามาทำร้ายร่างกาย และพยายามที่จะฆ่าทิ้งหลายครั้งแล้ว เนื่องจากในวัย 11-12 ปี ได้เคยตี อบรมสั่งสอนบุตรชายบ่อยครั้ง เนื่องจากบุตรชายไม่ค่อยเอางาน และไม่สนใจการเรียนหนังสือ จึงเกิดความเคียดแค้น และจำฝังใจมาโดยตลอด

จน นายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตจากทั้งหมด 3 คน เติบโตขึ้นมา และมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่า ก็ได้พยายามที่จะเข้ามาทำร้ายตนเองอยู่ตลอดทุกครั้งที่ดื่มสุราจนเมามาย ทั้งที่ตนก็ยังเป็นคนหุงหาข้าวปลาเอาไว้ให้กินอยู่ทุกวัน เพราะเขาไม่ยอมทำการงานอะไร

จนตนนั้นต้องหลบหนีออกไปหาที่ซ่อนตัวอยู่ตามบ้านเพื่อน หรือตามกระท่อมเฝ้าไร่อยู่เป็นประจำ เดือนละประมาณ 2-3 ครั้ง และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนมีบางครั้งตนถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นกรามแตก ทุกวันนี้บุตรชายคนรอง และเพื่อนต้องคอยช่วยเหลือพาไปหาที่หลบซ่อนเวลาที่ นายสุรศักดิ์ เมาสุรามา เพราะเขาจะต้องตามล่าหาตัวตนผู้เป็นบิดา เพื่อที่จะทำร้าย และขู่จะฆ่าให้ตายในทุกๆ ครั้ง จนภรรยาของตนทนอยู่ไม่ได้ต้องพาลูกหลานหลบหนีไปอยู่ยังกรุงเทพฯ

“หากตำรวจ ทหารจับกุมตัวได้ เขาอยากจะเอาไปทำอะไรก็เอาไปทำได้เลย ตนไม่ว่าหรอก เพราะสุดที่จะทนเต็มทีแล้ว เพราะในครั้งนี้ทำให้ตนกลายเป็นคนหมดสิ้นเนื้อประดาตัว มีเสื้อผ้าเหลือติดตัวอยู่เพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น เพราะทรัพย์สมบัติไม่มีอะไรเหลือติดตัวอยู่เลย ทั้งข้าวของเครื่องใช้ รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่จอดเอาไว้ในบ้านก็ไฟไหม้ทั้งหมด ซึ่งหากวันนี้ตนไม่หนีไปนอนยังที่อื่นก็คงถูกลูกทรพีฆ่าตายไปแล้ว” นายสมพงษ์ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าวว่า ขณะนี้ทางชุดสืบสวนกำลังติดตามหาตัว นายสรศักดิ์ ผู้ลงมือก่อเหตุวางเพลิงในครั้งนี้อยู่ และเชื่อว่ายังหลบหนีไปได้ไม่ไกลนัก โดยอาจจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ส่วนการดำเนินคดีนั้นต้องรอสอบสวนปากคำจากทางฝ่ายผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นผู้เสียหายก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นพ่อลูกกัน
ทรัพย์สินภายในบ้านสูญเสียทั้งหมด
เหลือแต่เสาบ้านเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น