ชาวนาบุรีรัมย์แห่นำข้าวใหม่ขายในปั๊มน้ำมัน หลังผลตอบรับดีได้กำไรสูงกว่าขายข้าวเปลือก

บุรีรัมย์ - ประชาชนพักรถแวะซื้อข้าวสารหอมมะลิทั้งเก่า และใหม่ รวมถึงข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ชาวนาบุรีรัมย์นำมาวางขายเองตามปั๊มน้ำมันที่ตั้งเต็นท์เปิดพื้นที่ให้ขายฟรี เพื่อช่วยเหลือชาวนาหลังราคาตกต่ำ ชาวนาเผยนำข้าวสารวางขายเองได้ราคาสูงกว่าขายข้าวเปลือกกระสอบละ 400-500 บาท

วันนี้ (5 พ.ย.) ชาวนาหลายหมู่บ้านในตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำข้าวสารหอมมะลิทั้งเก่า และใหม่ รวมถึงข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่สีแปรสภาพแล้วตามโรงสีในหมู่บ้าน มาวางขายเองที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ตั้งอยู่ถนนสายบุรีรัมย์-สุรินทร์ ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งตั้งเต็นท์เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวสารมาขายฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่ประสบปัญหาข้าวราคาตกสุดในรอบหลายสิบปี โดยแต่ละวันจะมีชาวนานำข้าวสารหอมมะลิมาวางขายเกือบ 10 ราย เฉลี่ยรายละ 40-80 กิโลกรัม โดยบรรจุใส่ถุงๆละ 5 กิโลกรัม ขายในราคาละ 25 บาท ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปที่ขายอยู่ในราคากิโลกรัมละ 32- 34 บาท

โครงการนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน และผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมาต่างแวะมาอุดหนุนคนละ 2-3 ถุง เพื่อนำไปบริโภค โดยข้าวที่ได้รับความสนใจ และขายดีเป็นพิเศษ คือ ข้าวสารหอมมะลิใหม่จนชาวนาสีมาขายไม่ทัน

เบื้องต้น ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันจะเปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวสารมาขาย จำนวน 3 เดือน นอกจากจะช่วยเหลือชาวนาที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำแล้ว ยังช่วยประชาชนได้บริโภคข้าวสารจากชาวนาโดยตรงในราคาถูกกว่าท้องตลาดด้วย

นางวอน อุสารัมย์ อายุ 48 ปี ชาวนาบ้านถาวร ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ปีนี้ครอบครัวทำนาทั้งหมด 50 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 300 กระสอบ ก่อนหน้านี้ ได้นำข้าวเปลือกบางส่วนไปขายให้แก่โรงสีเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าจ้างรถเกี่ยว และใช้จ่ายในครอบครัว แต่ขายได้เพียงกิโลกรัมละ 6.20 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มทุน

เมื่อผ่านมาเห็นปั๊ม ปตท.ติดป้ายให้ชาวนานำข้าวมาขายฟรี จึงตัดสินใจนำข้าวเปลือกที่เหลือไปสียังโรงสีใกล้บ้าน แล้วนำข้าวสารมาวางขายที่ปั๊ม ได้รับการตอบรับดี มีประชาชน และผู้ที่เดินทางแวะซื้ออย่างต่อเนื่อง ขายได้เฉลี่ยวันละกว่า 50 กิโลกรัม หากเปรียบเทียบกับนำข้าวเปลือกไปขายยังโรงสี 1 กระสอบ จะได้เงินเพียง 480 บาท แต่หากสีเป็นข้าวสารมาวางขายเอง จะได้มากกว่า 1,000 บาท

จึงอยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐได้เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวสารไปวางขายตามสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าภาวะราคาข้าวเปลือกจะสูงกว่านี้เพื่อช่วยเหลือชาวนาด้วย