เชียงราย - คุณปู่อาขา วัย 72 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านดอยสะโง๊ะ สามเหลี่ยมทองคำ แหล่งยาเสพติดใหญ่ระดับโลก เปิดบันทึกชีวิต “วันเลิกกินฝิ่น” หลัง “พ่อหลวง ร.๙” เสด็จพระราชทานความช่วยเหลือจนได้ชีวิตใหม่
วันนี้ (29 ต.ค.) น.อ.ชลทัย รัตนเรือง ผบ.หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ว่าที่ ร.ต.นพพล คำเขียว หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยสะโง๊ะ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้นำเจ้าหน้าที่ทหารเรือ และชาวบ้านดอยสะโง๊ะร่วมพัฒนาบริเวณพื้นที่ด้านหน้าศูนย์ฯ
บริเวณดังกล่าวได้ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านดอยสะโง๊ะ เมื่อปี 2512 ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า
นายนิคม สะโงะ อายุ 72 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านดอยสะโง๊ะ และปรากฏอยู่ในภาพรับเสด็จ (คนยืนที่ 2 จากขวา) ที่มาร่วมพัฒนาพื้นที่ กล่าวว่า ในอดีตดอยสะโง๊ะ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้สามเหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-สปป.ลาว และพม่า เป็นแหล่งยาเสพติดใหญ่ โดยเฉพาะฝิ่น แม้แต่ตนก็ยังเสพฝิ่นอยู่ในขณะนั้น พื้นที่ก็เป็นป่าดงดิบหนาทึบไม่มีการพัฒนาใดๆ
ต่อมา ปี 2512 ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงเสด็จพระราชดำเนิน ก็ได้พระราชทานเหรียญเพื่อให้ราษฎรได้มีสัญชาติไทย และทรงนำกระบือ 5 ตัว แกะ 5 ตัว พระราชทานให้ สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก จากนั้นดอยสะโง๊ะ ก็มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มีการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช จนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งพัฒนาเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จนถึงปัจจุบัน
“เดิมพื้นที่นี้มียาเสพติดมาก แม้แต่ตนก็ยังกินฝิ่น เพราะหาซื้อง่าย ราคาแค่ 2-3 บาท เมื่อในหลวงทรงนำเอาสัตว์เลี้ยงมาให้ ชาวบ้านก็เริ่มช่วยเหลือตัวเองด้านอาชีพ ทำให้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก และนับแต่นั้นเป็นต้นมาตนก็เลิกกินฝิ่น แล้วหันมาใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามที่พระองค์สอนเอาไว้ โดยเลี้ยงผึ้ง เลี้ยงหมู สามารถยังชีพอยู่ได้”
นายนิคม กล่าวอีกว่า เมื่อทราบว่าในหลวงสวรรคต ก็รู้สึกเสียใจจนพูดไม่ออก และอยากจะไปแสดงความอาลัยกราบไหว้ในหลวง ถึงกรุงเทพฯ โดยทางจังหวัดจะจัดรถให้ ซึ่งตนก็จะไปไหว้ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวดอยสะโง๊ะ
ด้านว่าที่ ร.ต.นพดล กล่าวว่า ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยสะโง๊ะ มีพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ มีการส่งเสริมอาชีพทางการเกษตร งานหัตถกรรมทำให้ชาวบ้านมีรายได้ และยังส่งเสริมการปลูกป่า สร้างฝายกั้นน้ำ แนวกันไฟ พัฒนาชุมชนเข้มแข็ง หมู่บ้านสะอาด กลุ่มออมทรัพย์ หมู่บ้านปลอดยาสพติด โดยมีชาวบ้าน 4 หมู่บ้านเป็นเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดนับเป็นความภาคภูมิใจของตนเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาทำงานตามแนวพระราชดำริ จนปัจจุบันชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และต่างมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้