เอเอฟพี - อองซานซูจี ให้คำมั่นวันนี้ (12) ว่า จะใช้อำนาจที่พรรคได้รับขับเคลื่อนกระบวนการสร้างสันติภาพ ที่ซูจีได้ร่างวิสัยทัศน์เกี่ยวกับสหพันธรัฐในอนาคตต่อกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ที่ได้สู้รบกับทางการมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ
ซูจี กล่าวสุนทรพจน์ในการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัฐบาล กองทัพ และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย ที่ซึ่งประเด็นปัญหาด้านสังคม และเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดความรุนแรงจะถูกยกขึ้นหารือ ซึ่งประเด็นปัญหาเหล่านั้นยังรวมถึงสิทธิการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ ที่ถูกมองว่าเป็นปัจจัยหลักในความขัดแย้งที่ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพย้ายถิ่น และสูญเสียชีวิตอีกนับไม่ถ้วน
ซูจี กล่าวว่า เธอมองในแง่ดีว่าการต่อสู้จะจบลงในเร็วๆ นี้ หากมาตรฐานทางการเมืองของประเทศได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น และทุกกลุ่มทำงานร่วมกัน
“เราไม่สามารถสร้างสันติภาพอย่างถาวรได้โดยปราศจากความปรองดองในชาติ ในตอนนี้เราพร้อมที่จะนำกระบวนการสร้างสันติภาพ เพราะเรามีอำนาจที่ได้รับจากประชาชน และกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย” ซูจี กล่าว
นับเป็นครั้งแรกที่อองซานซูจี รับบทนำในความพยายามสร้างสันติภาพอย่างเป็นทางการที่ดำเนินมานานนับปี
การเจรจาหารืออย่างอุตสาหะที่มีมาจนถึงกระทั่งตอนนี้กำกับควบคุมโดยประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่ได้ปรากฏตัวเข้าร่วมการประชุมหารือในกรุงเนปีดอครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายอยู่มาก ด้วยกลุ่มติดอาวุธกลุ่มใหญ่บางกลุ่มเลี่ยงการหารือ และการต่อสู้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของประเทศระหว่างกลุ่มกบฏ และทหาร
พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุมหารือสันติภาพนาน 5 วัน โดยเรียกการประชุมครั้งนี้ว่า เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จะช่วยนำสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงอย่างยั่งยืนถาวรมาสู่ประเทศ
การเจรจาทางการเมืองเป็นข้อเรียกร้องส่วนกลางของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยที่หลายรุ่นได้ต่อสู้เพื่อการปกครองตนเองในเขตพื้นที่ภูเขา และชายแดนที่อุดมด้วยทรัพยากร
ก่อนการเลือกตั้ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ซูจี จะต้องพยายามอย่างมากเพื่อจะชนะการสนับสนุนในหมู่ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ แต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยกลับกวาดคะแนนเสียงส่วนใหญ่ได้ทั่วประเทศรวมทั้งพื้นที่ชายแดน
ซูจี กล่าวในการประชุมหารือวันนี้ (12) ว่า การเป็นชาติสหพันธรัฐประชาธิปไตยอย่างแท้จริงนั้นเป็นไปได้หากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมมือกันในจิตวิญญาณของความเป็นพี่น้อง และความเคารพ
ผู้สังเกตการณ์ กล่าวว่า ยังมีอุปสรรคใหญ่รออยู่ข้างหน้า รวมทั้งการส่งเสริมความสามัคคี และการเจรจาต่อรองปัญหาเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพยากร
แต่สิ่งท้าทายที่สำคัญที่สุดถูกมองว่าคือ ความสัมพันธ์ที่ไม่ง่ายนักระหว่างซูจี กับกองทัพที่ยังทรงอำนาจ ซึ่งถือกุญแจสำคัญในการรักษาความสงบสุขอย่างยั่งยืน
กองทัพกุมอำนาจประเทศมา 50 ปี ด้วยกลัวว่ากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จะทำให้ชาติแตกแยก และกองทัพปฏิเสธแนวคิดระบบสหพันธรัฐ แต่การปกครองระบอบสหพันธรัฐ ค่อยๆ กลายเป็นแนวคิดศูนย์กลางในการหารือสันติภาพที่ริเริ่มโดยรัฐบาลประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่เข้าแทนที่รัฐบาลเผด็จการทหารในปี 2554
ในเดือน ต.ค. ความพยายามเหล่านั้นเป็นผลให้เกิดการหยุดยิงกับกลุ่มกบฏบางกลุ่ม แม้ว่าข้อตกลงจะยังไม่มีผลผูกพันไปถึงการหยุดยิงทั่วประเทศก็ตาม
ประธานาธิบดีเต็งเส่ง กล่าวว่า การประชุมวันนี้ (12) เป็นการเริ่มต้นกระบวนการในการสร้างสหภาพบนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตย และสหพันธรัฐ และการประชุมนี้มีขึ้นเพื่อส่งมอบกระบวนการสร้างสันติภาพให้แก่รัฐบาลที่กำลังจะเข้าทำหน้าที่อย่างราบรื่น
แต่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์หลายกลุ่ม ที่รวมทั้งกลุ่มในรัฐกะฉิ่น และรัฐชาน ได้ปฏิเสธที่จะลงนามข้อตกลงหยุดยิงแห่งชาติ จนกว่าทุกกลุ่มจะถูกนำเข้าสู่ข้อตกลง โดยเฉพาะกลุ่มเล็กๆ ที่ยังติดในข้อขัดแย้งกับกองทัพ โดยโฆษกสภาสหพันธรัฐชาติสหภาพพม่า ที่เป็นตัวแทนนของกลุ่มติดอาวุธ 6 กลุ่ม กล่าวว่า องค์กรของเขาคว่ำบาตรการหารือเพราะการหารือยังไม่ครอบคลุมทุกฝ่าย.