บุรีรัมย์ - ชาวบ้านบุรีรัมย์แห่กราบไหว้เทวรูปโบราณ 2 องค์ พร้อมฐานสภาพสมบูรณ์เนื้อสัมฤทธิ์ คาดอายุกว่า 800 ปี หรือราวสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ขุดพบกลางไร่มันสำปะหลัง ขณะเจ้าของที่ขุดพบเตรียมทำพิธีบายศรี และนิมนต์พระสวดทำบุญตามประเพณี เชื่อเป็นบุญวาสนาแก่ครอบครัว ขณะเทศบาลประสานสำนักศิลปากรที่ 12 ตรวจสอบ
วันนี้ (26 ต.ค.) ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้าน ตำบลในเขต อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอใกล้เคียง ต่างพากันเดินทางมาจุดธูปเทียนกราบไหว้เทวรูปโบราณ 2 องค์ พร้อมฐานสภาพสมบูรณ์ ที่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 7 บ้านตากอง ตำบลหนองตะครอง อำเภอละหานทราย หลังจากนายชมพู เสียมเพ็ชร อายุ 56 ปี และนางเรียน เส็งไทยแท้ อายุ 54 ปี สองสามีภรรยาขุดพบบริเวณกลางไร่มันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา แล้วจุดธูปบอกกล่าวอัญเชิญมาประดิษฐานเก็บรักษาไว้ที่บ้าน จากนั้นมีชาวบ้านเดินทางมาจุดธูปกราบไหว้บูชา และขอโชคลาภอย่างไม่ขาดสาย
โดยเทวรูปที่ขุดพบเป็นเทวรูปเนื้อสัมฤทธิ์ มีความสูง 29-31 เซนติเมตร รอบอกกว้าง 6-8 เซนติเมตร ส่วนฐานมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร กว้าง 10 เซนติเมตร สูง 15 เซนติเมตร คาดว่าเทวรูปทั้ง 2 องค์ มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี หรือราวยุคสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ทั้งนี้ นายชมพู เจ้าของบ้านที่ขุดพบเตรียมทำพิธีบายศรีตามประเพณีพื้นบ้าน พร้อมนิมนต์พระมาสวดทำบุญบ้านด้วย เพราะเชื่อว่าการขุดพบเทวรูปโบราณครั้งนี้จะเป็นบุญวาสนาแก่ครอบครัว ขณะที่ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าบริเวณดังกล่าวอาจเป็นชุมชน หรือเมืองโบราณ เนื่องจากที่ผ่านมา เคยมีการขุดพบพระพุทธรูปหินทรายมาแล้ว
นายชมพู เสียมเพ็ชร กล่าวว่า ตนและภรรยามีอาชีพทำนา และทำไร่ โดยวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ออกไปไร่มันสำปะหลังพร้อมกับภรรยา ขณะที่กำลังไถไร่มันอยู่นั้นเห็นไก่ป่า จำนวน 5 ตัววิ่งเข้าไปบริเวณดังกล่าว จึงได้วิ่งตามไปแต่กลับไม่เห็นไก่ป่า พบเพียงวัตถุรูปทรงประหลาดมีดินพอกติดแน่นอยู่ โผล่จากพื้นดินขึ้นมาเล็กน้อย จึงขุดดูพบว่าเป็นเทวรูป 2 องค์พร้อมฐาน จึงได้จุดธูปอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่บ้าน พร้อมแจ้งทางเทศบาล และอำเภอทราบ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นบุญวาสนาแก่ชีวิตที่ได้ขุดพบเทวรูปโบราณครั้งนี้
ด้าน นายชัยพร พิมพ์พิทักษณ์ หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลละหานทราย กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจาก นายชมพู เสียมเพ็ชร ชาวบ้าน ม.7 ว่า มีการขุดพบเทวรูปโบราณ 2 องค์ พร้อมฐาน กลางไร่มันสำปะหลัง จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบก็พบว่า เทวรูปที่พบเนื้อสัมฤทธิ์มีสภาพสมบูรณ์ จึงได้รายงานให้ทางอำเภอรับทราบ พร้อมประสานงานไปยังสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา เพื่อมาตรวจสอบเทวรูปที่ขุดพบอีกครั้งว่าอยู่ในยุคสมัยใด และดำเนินการทำเรื่องส่งมอบไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ตามขั้นตอนต่อไป