“พาณิชย์” ใช้ยาแรงดันราคามันสำปะหลัง กำหนดราคาขั้นต่ำส่งออกแป้งมันตันละ 320 เหรียญสหรัฐ และมันเส้นตันละ 180 เหรียญสหรัฐ หวังดึงราคาหัวมันสดให้ได้กิโลกรัมละ 1.90 บาท เผยหากไม่ทำเล็งเพิ่มเงื่อนไขเก็บสต๊อก หรือใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการ พร้อมรณรงค์เกษตรกรร่วมมือชะลอขุดหัวมันช่วงนี้เพื่อให้ได้เชื้อแป้งเต็มที่
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจัดทำมาตรการเร่งด่วนเพื่อยกระดับราคาหัวมันสำปะหลังสดว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคาขั้นต่ำในการส่งออกแป้งมันในราคา FOB ไม่ต่ำกว่าตันละ 320 เหรียญสหรัฐ และมันเส้นราคาตันละ 180 เหรียญสหรัฐ เพราะขณะนี้มีการแข่งขันขายตัดราคากันมาก ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาหัวมันสดในประเทศ จึงต้องมีการกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ และเมื่อทอนมาเป็นราคาหัวมันสดจะช่วยให้เกษตรกรขายได้ในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 1.90 บาท และในระยะต่อไปจะมีการขยับราคาขั้นต่ำเพิ่มขึ้น เพื่อดึงให้ราคาหัวมันสดปรับเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือน พ.ย.เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดพอดี แต่ถ้าผู้ส่งออกไม่ทำตามยังมีการขายต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด กระทรวงฯ จะใช้มาตรการตั้งแต่เบาไปหาหนัก เริ่มจากการเพิ่มปริมาณการเก็บสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จากเดิมที่กำหนดในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.5 คือหากจะส่งออก 1 ตัน ต้องเก็บสต๊อก 1.5 ตัน เพิ่มเป็น 1 ต่อ 2 และหากยังไม่ทำอีกก็จะนำมาตรการทางกฎหมายมาใช้ แต่จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย
“สาเหตุที่ราคามันสำปะหลังในช่วงนี้ตกต่ำเพราะเป็นมันตกค้างจากปลายฤดูการผลิตปีก่อน และมีเชื้อแป้งต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ราคาไม่ดี และยังมีการขายตัดราคาส่งออกอีก ก็ยิ่งทำให้สะท้อนมาถึงราคาในประเทศ กระทรวงฯ จึงต้องมีมาตรการที่เข้มงวดออกมา ส่วนผลผลิตปี 2559/60 ยังไม่ออก จะเริ่มออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือน ธ.ค.-เม.ย. คิดเป็น 70% ของผลผลิตทั้งหมด หรือประมาณ 21 ล้านตัน ซึ่งมั่นใจว่า จากมาตรการที่มีอยู่ทั้งมาตรการเดิมและมาตรการใหม่จะช่วยผลักดันให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นได้” นายวินิจฉัยกล่าว
นายวินิจฉัยกล่าวว่า ในระหว่างนี้กระทรวงฯ จะรณรงค์ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศหยุดถอนมันในช่วงนี้ออกไปก่อน เพื่อรอให้ผลผลิตมีคุณภาพ และมีเชื้อแป้งได้ตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะหากชะลอการขุดออกไปจะทำให้ขายได้ไม่ต่ำกว่า กก.ละ 2 บาทอย่างแน่นอน
ส่วนเกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องชำระหนี้หรือคืนเงินกู้ในช่วงที่รอเก็บเกี่ยวผลผลิต ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้มีมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ย โดยจะขยายเวลาชำระต้นเงินให้เป็นเวลา 2 ปี และลดดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 ต่อปี และหากมีความต้องการใช้เงิน ยังสามารถขอกู้เงินได้รายละไม่เกิน 20,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ต่อเดือน
นอกจากนี้ กระทรวงฯ มีแผนที่จะเดินทางไปเจรจาขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลังในอินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งมีความต้องการนำเข้าแป้งมันสำปะหลัง มันเส้น มันอัดเม็ดและกากมันอัดเม็ดจากไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะสามารถหาตลาดรองรับผลผลิตได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ได้จัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจสินค้ามันสำปะหลังกับผู้ซื้อในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ย.นี้ด้วย
สำหรับมาตรการดูแลราคามันสำปะหลังอื่นๆ เช่น การขอความร่วมมือสมาคมโรงงานผู้ผลิตเอทานอลรับซื้อหัวมันสดที่เชื้อแป้ง 25% ราคา กก.ละ 1.90 บาท ซื้อได้วันละ 1.3 หมื่นตัน ประสานกระทรวงพลังงานปรับเพิ่มส่วนผสมเอทานอลในน้ำมัน ดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้าน