ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุน ภาคที่ 4 หรือ บีโอไอ แหลมฉบัง ย้อนภาพจำสุดประทับใจและพระอัจฉริยภาพ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดงาน “B.O.I.Fair 1995” เมื่อกว่า 20 ปีก่อน โดยใช้พระหัตถ์จับปลา 3 มิติในตู้ปลาที่จัดแสดงภายในงาน และด้วยพระบารมียังส่งผลสู่การพัฒนา จ.ชลบุรี และภาคตะวันออก ให้เติบโตอย่างสูงสุดในปัจจุบัน
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจการลงทุน ภาคที่ 4 ( บีโอไอ แหลมฉบัง) เผยถึงภาพความประทับใจเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นองค์ประธานเปิดงาน “B.O.I.Fair 1995” หรือ งานก้าวไกล ไทยทำ 2538 ว่า งานดังกล่าวถือเป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในรูปแบบการจัดพาวิลเลียนในพื้นที่โล่งแจ้ง ซึ่ง บีโอไอ.ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้ง 2 พระองค์เป็นอย่างสูง
“ครั้งนั้นผมยังทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 หรือ บีโอไอ.แหลมฉบังแห่งนี้ โดยมีหน้าที่หลักคือ ดูแลตกแต่งสถานที่ และอาคารสำนักงานที่พระองค์จะเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในงานกาลาดินเนอร์ ซึ่ง CEO ของบริษัทใหญ่ในประเทศต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนในไทย จะได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้ารวมทั้งพระองค์ยังเสด็จฯมาพักผ่อนพระอิริยาบถ ยังเรือนรับรองหลังเล็กที่ บีโอไอ.ได้ สร้างถวาย โดยในอาคารสำนักงานแห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่จัดงานกาล่าดินเนอร์แล้ว ยังมีในส่วนของห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในลักษณะเธียรเตอร์ 120 ที่นั่ง ซึ่งในครั้งนั้นเราก็ได้นำภาพยนต์นานาชาติ มาฉายให้ประชาชนได้ชมด้วย ”
นายชนินทร์ ยังบอกอีกว่า ศูนย์เศรษกิจการลงทุนแห่งนี้ นับว่ามีบุญอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเสด็จพระราชดำเนินมา เพราะไม่เพียงแต่ในครั้งนั้นจะเป็นองค์ประธาน เปิดงาน บีโอไอ.แฟร์ 1995 หรือ งานก้าวไกล ไทยทำ 2538 เท่านั้น แต่การเสด็จฯมายังสำนักงาน บีโอไอ.แหลมฉบัง ยังถือเป็นการเปิดอาคารอย่างเป็นทางการและถือเป็นสำนักงาน บีโอไอ เพียงแห่งเดียวที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาเยือน ทำให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ได้มีโอกาสรับเสด็จฯ และถือเป็นบุญสูงสุดของชีวิต
พระอัจฉริยภาพสุดประทับใจ จับปลา 3 มิติด้วยพระหัตถ์
ภาพความประทับใจที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำ ของผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจการลงทุน ภาคที่ 4 คือเหตุการณ์เมื่อหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดงาน ที่ทั้ง 2 พระองค์ ได้เสด็จฯเยี่ยมพาวิลเลี่ยนต่างๆ ซึ่งมีหลายบริษัทขนาดใหญ่ จัดแสดงสินค้า และเครื่องมืออันทันสมัย เช่นเดียวกับพาวิลเลี่ยนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่จัดแสดงเทคโนโลยีด้านการเลี้ยงสัตว์แนวใหม่ รวมทั้งบริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ต่างๆ ซึ่งแต่ละบริษัทต่างสรรเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดที่มีออกแสดง
“แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความประทับใจอย่างหาที่สุดมิได้ก็คือ เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จฯเยี่ยมพาวิลเลี่ยนของกลุ่มโซนี่ ซึ่งนำตู้ปลา 3 มิติมาจัดแสดง และยังมีการติดป้ายว่าจะมอบรางวัลให้กับผู้ที่สามารถจับปลาในตู้ได้ ซึ่งในครั้งนั้นไม่มีใครสามารถจับปลาได้ เพราะเป็นภาพ 3 มิติที่เมื่อนำมือลงไปจับปลาก็จะเจอแต่อากาศ แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ท่านใช้วิธีนำพระหัตถ์วางลงในตู้ปลา และนำกล้องถ่ายภาพตัวปลาในตู้ จึงกลายเป็นว่าปลา 3 มิตินั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และยังบอกกับคณะผู้ดูแลพาวิลเลี่ยนว่า พระองค์ทรงจับปลาได้แล้ว ทำให้ผู้บริหารพาวิลเลี่ยน และผู้บริหารของกลุ่มโซนี่ ต้องถวายรางวัลให้กับพระองค์ ”
นายชนินทร์ ยังบอกอีกว่าการเสด็จพระราชดำเนินมาในครั้งนั้น พระองค์ยังให้ความสนใจกับพาวิลเลี่ยนที่มีการจัดแสดงเทคโนโลยีต่างๆ โดยใช้เวลาอยู่นานกับการเสด็จฯเยี่ยมชมพาวิลเลี่ยนอื่นๆ รวมทั้งพาวิลเลี่ยน โครงการในพระราชดำริ
ตนยังมีความเชื่อว่า พระบารมีของพระองค์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ได้ส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่แหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออก ทั้งในแง่ของการทำให้ท่าเรือแหลมฉบัง และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ที่เพิ่งเปิดดำเนินการได้ไม่นานในขณะนั้น เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอตุสาหกรรม กลายเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาในระดับโลก และยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
“ด้วยพระบารมีของพระองค์ ทำให้การจัดงาน บีโอไอ แฟร์ 1995 หรือ งานก้าวไกล ไทยทำ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และได้รับความร่วมมือ ร่วมใจจากหน่วยงานต่างๆ เพราะหากปราศจากพระบารมีของพระองค์แล้ว ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีเยี่ยมเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็มีประชาชนทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัดเดินทางเข้าชมงานจำนวนมาก ทั้งที่การคมนาคม ก็ไม่สะดวกเช่นปัจจุบัน ที่สำคัญงานในครั้งนั้นยังทำให้ผู้คนทั่วไปได้รู้จัก ท่าเรือแหลมฉบัง และนิคมแหลมฉบัง ที่ประเทศไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมจนเกิดการจ้างงาน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ท่าเรือแหลมฉบังเอง ก็มีการพัฒนาอย่างก้าวไกลจากเดิมที่มีเพียงเฟส 1 ในขณะนี้การพัฒนาเฟสที่ 2 ก็ใกล้จะเต็ม กระทั่งมีการเตรียมพัฒนาในเฟสที่ 3 แล้ว และยังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนทดแทนท่าเรือกรุงเทพ รวมทั้งยังลดความแออัดด้านการจราจร และสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตมากขึ้น”
ส่วนนิคมฯแหลมฉบัง ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมคู่กับท่าเรือแหลมฉบัง ในวันนี้มีความเจริญเติบโต สามารถดึงดูดนักลงทุนต่างๆชาติให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น และยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่พัฒนาโดยเอกชนเกิดขึ้นใกล้กับนิคมฯ แหลมฉบังอีกจำนวนมาก นอกจากนั้นยังทำให้ภาคตะวันออก กลายเป็นพื้นที่ที่มีบทบาทสำคัญด้านการผลิตที่ของประเทศไทย โดยมีสถิติการเข้ามาลงทุนของบริษัทที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ มาถึง 50%
“ ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ บีโอไอ แหลมฉบัง ย่อมมีความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระองค์ ที่ทำให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ตามภาระกิจ และจะนำแนวคิดด้านเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการพัฒนากิจการต่างๆ ขององค์กร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ก้าวทันสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะสามารถพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่แห่งนี้ให้ดีมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวว่า ในฐานะข้าราชการ ก็จะต้องมีความเข้าใจ เข้าถึง จึงจะพัฒนาประเทศได้ ผมจึงจะต้องมีความเข้าใจในตัวนักธุรกิจ และนักลงทุนต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงจิตใจของนักลงทุนอันจะช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมนำพาประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อยกระดับจากภาคอุตสาหกรรมชั้นต่ำสู่ภาคอุตสาหกรรมชั้นสูง โดยเฉพาะการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิอุตสาหกรรมอากาศยาน , ออโตเมชั่นนิวเมติกและเครื่องมือแพทย์ ให้เข้ามาอยู่ภาคตะวันออกมากขึ้น ”นายชนินทร์ กล่าว