นครพนม - รองผู้ว่าฯ นครพนมลั่น 15 วันต้องได้ตัวแก๊งมอดไม้ ปืนจี้หัวเจ้าอาวาส-แม่ชีแล้วโค่นไม้พะยูง 100 ปีขนออกจากวัด พร้อมสั่งล้อมรั้วหนามอีกต้นที่เหลือหวั่นถูกลอบตัดอีก
กรณีคนร้ายราว 20 คน ปฏิบัติการอุกอาจคลุมไอ้โม่งบุกกุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม บ.เหล่าหนาด หมู่ 8 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ใช้อาวุธปืนจี้ศีรษะสมภารวัดและแม่ชี ก่อนลอบตัดโค่นต้นพะยูง 100 ปี 2 คนโอบ หลังมีผู้มาติดต่อซื้อ 2 แสนบาท แต่ทางวัดไม่ขาย สุดท้ายคนร้ายแก๊งมอดไม้บุกตัดโค่นเหลือไว้แต่ตอและกิ่ง ก่อนขนพะยูงขึ้นรถกระบะหลบหนีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (11 ต.ค.) ดร.ไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พ.ต.อ.ธีทัต อิ่มทั่ว รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม และ พ.ต.อ.ธานัท จิราธนากุล ผกก.สภ.ท่าอุเทน พร้อมชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ชุดสืบสวน สภ.ท่าอุเทน ฝ่ายปกครอง ตชด.237 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ (นพ.2) พนอม ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาร่องรอยหลักฐานของคนร้ายแก๊งนี้ และสอบปากคำพยานแวดล้อมเพื่อเป็นแนวทางสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
พ.ต.อ.ธีทัต อิ่มทั่ว รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายที่ลงมือปฏิบัติการครั้งนี้อาจชำนาญพื้นที่และทำงานรวดเร็ว ส่วนไม้พะยูงที่ตัดโค่นลงคนร้ายเลื่อยเอาเฉพาะแก่นไม้ความยาว 3 เมตร ที่มีเส้นรอบวงเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เชื่อว่าอาจถูกลำเลียงลงเรือติดเครื่องยนต์ข้ามแม่น้ำโขงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศปลายทางแล้วทำให้ยากต่อการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้ส่งชุดสืบสวนประสานกับตำรวจในพื้นที่ออกหาข่าวและเบาะแสเพื่อเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว
ด้าน ดร.ไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสิ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า พื้นฐานรอบโค่นต้นมีการวางระบบป้องกันไว้อย่างดี โดยการนำเอาลวดหนามตอกตะปูขึงวนรอบโคนต้นสูงจากพื้นดิน 3 เมตร เพื่อป้องกันและชะลอผู้มาลักลอบตัดต้องใช้เวลา อีกทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุยังให้เบอร์โทรศัพท์แก่เจ้าอาวาสและญาติโยมอีก 2 คน เพื่อจะได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทราบอย่างทันท่วงที ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้บังคับไว้เพื่อไม่ให้ติดต่อแจ้งข่าวต่อเจ้าหน้าที่
รองผู้ว่าฯ นครพนม ระบุว่า จากการสอบถามเจ้าอาวาสยังบอกด้วยว่าคนร้ายใช้สายไฟต่อเสียบกับปลั๊กไฟของวัด ก่อนใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าที่เก็บเสียงโค่นต้นพะยูงล้มเสร็จ จึงตัดทอนโคนต้น ใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 30 นาที จากนั้นจึงถอยกระบะที่จอดอยู่หน้าวัดมาลำเลียงไม้ขึ้นรถ ก่อนจะขับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางตัว อ.ท่าอุเทน แต่ไม่น่าจะขับผ่านด่านตรวจ ตชด.237 ริมทางหลวงซึ่งมีกล้องวงจรปิด คาดว่าน่าจะเลี้ยวซ้ายลัดเลาะนำไม้พะยูงท่อนนี้มุ่งสู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ห่างจุดตัดแค่ 2 กิโลเมตร ลงเรือข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้านในคืนเดียวกัน
ล่าสุดได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองประชุมร่วมกับทหารและตำรวจในพื้นที่เพื่อถอดบทเรียนหาความบกพร่อง ส่วนจะมีคนในมีเอี่ยวด้วยหรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสวนสอบเสียก่อน
“แต่ญาติโยมผู้อยู่ในเห็นการณ์ระบุว่าไม่เห็นหน้าคนร้าย ได้ยินแต่เสียงพุดคุยกันน่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่พูดสำเนียงอีสาน ซึ่งได้กำชับให้นายอำเภอท่าอุเทนประชุมร่วมวิเคราะห์เหตุการณ์และส่งรายงานให้จังหวัดทราบ โดยจะขีดเส้นให้ภายใน 15 วันต้องได้ตัวคนร้ายมาลงโทษ” ดร.ไพฑูรย์กล่าวเน้นย้ำ
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกิตติพันธ์ จันทร์นนท์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ (นพ.2) พนอม ได้นำกำลังเจ้าหน้าทีป่าไม้และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำลวดหนามความยาวกว่า 20 เมตร ไปมัดตอกตะปูพันรอบต้นพะยูงอีกต้นที่สูง 60 เมตร เส้นรอบวง 80 ซม. อยู่ห่างจากจุดที่ตัด 50 เมตร อยู่ด้านหลังกุฏิร้างในป่าละเมาะ โดยมัดจากโค่นต้นสูง 3 เมตร เพื่อป้องกันการลอบลักลอบตัด หลังต้นพะยูงต้นนี้เป็นที่หมายปองของแก๊งมอดไม้ด้วย