ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จังหวัดเชียงใหม่ จับมือศูนย์ศิลปกรรมและกิจกรรมพิเศษ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัวเตรียมเดินหน้าโครงการ “เชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้” (Chiang Mai Learning Society) มุ่งพัฒนาศักยภาพด้านการเรียนรู้สู่การศึกษาในทศวรรษที่ 21 โดยนำเทคโนโลยีมาผสมผสานภูมิปัญญาสนับสนุนการเรียนรู้อย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดทัดเทียมประเทศชั้นนำ
วันนี้ (10 ต.ค. 59) ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายประจวบ กันธิยะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ วีระพันธ์ จันทร์หอม หัวหน้าศูนย์ศิลปกรรมและกิจกรรมพิเศษ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงเปิดตัวโครงการเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ (Chiang Mai Learning Society)
ทั้งนี้ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับศูนย์ศิลปกรรมและกิจกรรมพิเศษ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดขึ้น วัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการเพื่อกำหนดแนวทางในการพัฒนาเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน จัดลำดับความสำคัญและเร่งด่วนของการทำงาน ป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน รวมถึงประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของจังหวัดลดข้อผิดพลาดและเกิดผลสัมฤทธิ์ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงส่งเสริมให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่มีทักษะครอบคลุมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นี้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า การศึกษาถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศและเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพิ่มความเท่าเทียมในสังคม สร้างอาชีพ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ
ทั้งนี้ ในสภาวการณ์ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้านทั้งทางสังคม วัฒนธรรม การเมือง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบการศึกษาที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ก่อให้เกิดความทันสมัยในองค์ความรู้ และส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน
UNESCO ได้สรุปทักษะสำคัญของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ ต้องรู้อ่าน รู้เขียน รู้คณิตคิดเป็น และรู้ด้าน ICT และที่สำคัญต้องมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โลก เข้าใจการปฎิบัติการเชิงธุรกิจทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ เป็นผู้มีสุขภาพดี และร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์สำคัญ การศึกษาในศตวรรษที่ 21
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ได้มอบนโยบายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในทุกระดับทุกประเภทโดยดำเนินงานให้สอดคล้องกับกระแสหลักของสังคมที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสังคมคุณภาพ (Quality Social) เพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เจริญก้าวหน้าสามารถเข้าสู่การแข่งขันในเวทีโลกได้ซึ่งในแผนพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดตำแหน่งการพัฒนาของจังหวัดเชียงใหม่ด้านหนึ่ง คือ การเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษา (Education Hub) โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ จังหวัดเชียงใหม่ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางบริการการศึกษาของภาคเหนือ และสามารถเปิดสอนหลักสูตรนานาชาติได้
จังหวัดเชียงใหม่ได้ส่งเสริมการจัดการศึกษา มุ่งพัฒนาการศึกษา ภายใต้กรอบแนวคิดหลักคุณภาพและความเท่าเทียมรวมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดคลอบคุมทั้ง 4 โอกาส คือ 1. โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสามารถได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน 2. โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน นักเรียน นักศึกษา สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ขึ้นกับฐานะของผู้ปกครอง 3. โอกาสในการเพิ่มพูนและฝึกฝนทักษะ นักเรียนนักศึกษาทุกคนสามารถเติบโตได้ในโลกที่เป็นจริงผ่านการเรียนรู้บนฐานการทำกิจกรรม 4. โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยใช้เทคโนโลยี สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลปะ ศูนย์วัฒนธรรม และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วีระพันธ์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองต่อนโยบายในการพัฒนาคนและสังคมของจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีคุณภาพจนนำไปสู่การกำหนดตำแหน่งการพัฒนาของจังหวัดเชียงใหม่ด้านหนึ่ง คือ การเป็นเมืองศูนย์กลางการศึกษา (Education Hub) ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดกลยุทธ์ที่จะดำเนินการให้บรรลุตามนโยบาย คือ การสร้างสังคมแห่งวัฒนธรรม ความรู้ ภูมิปัญญา จิตสาธารณะ และพัฒนาศักยภาพของคนให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ของจังหวัดเชียงใหม่มีความยั่งยืน ตอบสนองต่อนโยบายของชาติ และทิศทางการพัฒนาของจังหวัด สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้เกียรติศูนย์ศิลปกรรมและกิจกรรมพิเศษ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินโครงการเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้
โดยเป้าหมายในการดำเนินโครงการในครั้งนี้ คือ เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่มีการวางแผนปฎิบัติการพัฒนาสู่สังคมแห่งการเรียนรู้แบบบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านการศึกษา และสามารถนำไปปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมสู่การเรียนรู้ของจังหวัดเชียงใหม่ และบุคลากรด้านการศึกษามีความรู้ความเข้าใจในด้านการวางแผนพัฒนาการเรียนรู้สู่สังคมมากขึ้น รวมถึงเพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่มีต้นแบบแนวทางการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดในพื้นที่อื่นได้
ส่วนนายธนกร สมฤทธิ์ คณะทำงานโครงการ กล่าวว่า ขอบเขตการดำเนินงานของโครงการจะครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ 1. การศึกษารวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้เกี่ยวกับสังคมแห่งการเรียนรู้ ในส่วนนี้จะรวมไปถึงการศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศสิงคโปร์ 2. การศึกษาและรวบรวมข้อมูลแนวทางการศึกษาในปัจจุบันของจังหวัดเชียงใหม่ 3. วิเคราะห์รูปแบบการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้จากการศึกษานำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับจังหวัดเชียงใหม่
4. พัฒนาตัวแบบแนวทางการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับจังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ตามแนวทางการศึกษาและทักษะ ทั้ง 3 ด้าน คือ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพ 5. จัดกิจกรรมพัฒนาต้นแบบ โดยนำตัวแบบที่พัฒนาได้มาปรับใช้กับองค์ความรู้ 1 เรื่อง
ภายในกิจกรรมนี้จะมีกิจกรรมย่อย คือ การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Learning by doing) จำนวน 3 ครั้ง กำหนดกลุ่มเป้าหมายร่วมกิจกรรมครั้งละไม่น้อยกว่า 30 คน ครอบคลุมประชากร กลุ่มนักเรียน นักศึกษาในระบบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มประชาชนทั่วไป และการศึกษานอกระบบ เช่น โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ชมรมศิลปวัฒนธรรมล้านนา กลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน โรงเรียนผู้สูงอายุแกนนำชุมชน หรือสภาเยาวชน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการถอดบทเรียนจากการจัดกิจกรรมที่ได้ดำเนินการเพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนพัฒนาและต้นแบบเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ การจัดกิจกรรม Open House จำนวนหนึ่งครั้งเพื่อนำเสนอแผนพัฒนาเริ่มต้นแบบเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบที่น่าสนใจเช่น การเยี่ยมชุมชนทางวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่และการจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ผลงาน เป็นต้น จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์แผนพัฒนาเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ในรูปแบบ Pocket Book ประชาสัมพันธ์แผนพัฒนาเชียงใหม่สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านสื่อต่างๆ ประกอบด้วย การจัดแถลงข่าวกรมประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีโทรทัศน์สถานีวิทยุ เพื่อสังคมออนไลน์ และการจัดทำสารคดีสั้น
กิจกรรมทั้งหมดจะตอบสนองกลุ่มเป้าหมายในโครงการ คือ จังหวัดเชียงใหม่มีการวางแผนปฏิบัติการพัฒนาสู่สังคมแห่งการเรียนรู้แบบบูรณการจากทุกภาคส่วน สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสู่สังคมแห่งการเรียนรู้จนนำไปสู่การมีต้นแบบแนวทางการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดในพื้นที่อื่นๆ ได้ต่อไป