บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน พนักงานบริษัท และข้าราชการจากหลายอำเภอใน จ.บุรีรัมย์ที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเล่น “แชร์บ้านก้อย” นำหลักฐานสลิปโอนเงิน-ข้อความสนทนาร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วย อ้างถูกเท้าแชร์หญิงวัย 29 ปีโกงหอบเงินหนีลอยนวลกว่า 20 ล้านบาท แจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบ
วันนี้ (22 ก.ย. 59) ชาวบ้าน พนักงานบริษัท และข้าราชการจากหลายอำเภอใน จ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วย อ.เมืองบุรีรัมย์, อ.สตึก, อ.นางรอง และ อ.บ้านกรวด นำหลักฐานสลิปโอนเงินเข้าบัญชีและข้อความที่สนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ โดยกล่าวหาว่าได้ถูก น.ส.เนตรนภา ธนบดีกุลพิศาล อายุ 29 ปี หรือที่รู้จักกันในนาม “เจ๊ก้อย” ซึ่งเป็นเท้าแชร์หลอกลวงให้ร่วมเล่นแชร์ชื่อ “แชร์บ้านก้อย”
โดยการเชิญชวนหลอกล่อผู้ที่สนใจให้นำเงินมาร่วมลงทุน แต่ไม่ได้แจ้งชัดเจนว่าลงทุนอะไรบอกเพียงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูง หรือดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 ต่อสัปดาห์ เช่น หากใครร่วมลงทุนวงเงิน 40,000 บาทจะได้รับผลตอบแทน 4,000 บาท ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง จูงใจให้หลายคนหลงเชื่อยอมหาเงินทั้งกู้ยืม ขายรถ จำนองบ้าน นำเงินมาร่วมเล่นแชร์ตั้งแต่รายละหลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาท
แต่สุดท้ายก็ถูก “เจ๊ก้อย” เท้าแชร์หลอกโกงเงินสร้างความเดือดร้อนหนัก และจากข้อมูลพบผู้ตกเป็นเหยื่อ ทั้งข้าราชการ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไปทั้งใน จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียง ตกเป็นเหยื่อร่วมเล่นแชร์บ้านก้อยดังกล่าวจำนวน 71 คน รวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท
ด้าน น.ส.เพชรลดา ศรีทอง อายุ 28 ปี ชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหายรายหนึ่ง บอกว่า ที่ตัดสินใจนำเงินมาร่วมเล่นแชร์กับ น.ส.เนตรนภา หรือเจ๊ก้อย เพราะเห็นว่ามีผลตอบแทนจูงใจ จึงยอมนำเงินที่ได้จากการมัดจำค่าขายบ้าน 30,000 บาท และเงินเก็บที่มีอยู่อีก 10,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท ไปร่วมเล่นแชร์เพราะหวังว่าจะได้เงินมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ เมื่อตกลงร่วมทุนงวดแรกเจ๊ก้อยให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 36,000 บาท ส่วนอีก 4,000 บาทหักไว้เป็นค่าตอบแทน 10 เปอร์เซ็นต์
กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนก็ยังไม่ได้เงิน จึงได้สอบถามเพื่อนที่เล่นแชร์ด้วยกันก็บอกว่าไม่ได้เหมือนกัน พอไปสอบถามกับเจ๊ก้อยก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นอ้างนี้ จึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว จึงพากันเข้าแจ้งความ แต่ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้วก็ไม่มีความคืบหน้า จึงมาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือ โดยอยากให้เจ๊ก้อยนำเงินที่ร่วมลงทุนมาคืน และดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อจะได้ไม่ไปหลอกลวงคนอื่นซ้ำอีก
ขณะที่นายชุมพล ภูผานิล ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า เบื้องต้นทางศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องร้องไว้ พร้อมจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายตามที่ผู้เสียหายเข้าร้องเรียนดังกล่าวต่อไป