ชัยนาท - ชลประทานที่ 12 แจ้งเตือนรับสถานการณ์น้ำฉบับที่ 4 หลังเกิดฝนตกหนัก มีน้ำไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีแนวโน้มไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,300 ลบ.ม./วินาที ทำให้พื้นที่ท้ายเขื่อน ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก 70 ซม.
วันนี้ (22 ก.ย.) นายฎรงศ์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ทำหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 4 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา หลังเกิดฝนตกหนักกระจายในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และชัยนาท ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เขื่อนเจ้าพระยาต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายฎรงศ์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ประกอบกับเมื่อวันที่ 20 ก.ย.59 ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักกระจายในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และชัยนาท
ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดนครสวรรค์ สถานีวัดน้ำ C.2 เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 1,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ว่า จะมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 50-70 เซนติเมตร
และจะกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ไปจนถึงบริเวณ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ต่อเนื่องไปถึง ต.บางหัก ต.บางหลวง ต.วัดตะกู ต.ทางช้าง อ.บางบาล ต.ท่าดินแดง ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง ต.บ้านโพธิ์ ต.บ้านแพน ต.รางจระเข้ ต.สามกอ ต.เจ้าเจ็ด ต.บางนมโค และ ต.น้ำเต้า อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รวมไปถึงบริเวณด้านท้ายของแม่น้ำน้อยด้วย
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ จึงขอแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหารเป็นต้น และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
