อุทัยธานี - ผลพวงพายุ “ราอี” ทำระดับน้ำเจ้าพระยาที่เมืองปากน้ำโพ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวัน ล่าสุดระดับน้ำไหลผ่านกว่า 1,500 ลบ.ม./วินาทีแล้ว แต่ถ้าแตะ 3,000 ลบ.ม.เมื่อไหร่ 6 ตำบลเขตเมืองอุทัยฯ วิกฤตแน่
วันนี้ (22 ก.ย.) นายฐกร กาญจน์จิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี กล่าวว่า ผลพวงจากพายุ “ราอี” ทำให้มวลน้ำจากภาคเหนือไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุดวันนี้ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ วัดได้ 1,526 ลบ.ม.ต่อวินาที และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ยังสามารถรับมือได้
ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นถึง 2,500 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไปจะส่งผลต่อพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี และเมื่อใดการไหลผ่านของน้ำจุดดังกล่าวถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่ ต.หากทะนง ต.เนินแจง ต.หนองไผ่แบน ต.สะแกกรัง ต.เกาะเทโพ และ ต.ท่าซุง อ.เมืองอุทัยธานี ทันที
เบื้องต้นโครงการชลประทานอุทัยธานีได้มีการแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ของตนเองที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ติดตามสถานการณ์น้ำจากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด หากใกล้ถึงจุดวิกฤตเมื่อใดก็ให้เตรียมขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงทันที
ส่วนมาตรการการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้น สำนักชลประทานที่ 12 ได้มีการเร่งระบายน้ำสู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาทอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้เพิ่มการระบายเป็น 1,301 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงทำให้ปริมาณน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา และพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ค่อนข้างทรงตัว ประกอบกับมีการระบายน้ำทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาออกทั้งฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา เข้าพื้นที่รับน้ำจังหวัดลพบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี ก็จะทำให้ลดสภาวะความรุนแรงที่จะเกิดน้ำท่วมอุทัยธานีได้
