กาฬสินธุ์ - ภาคประชารัฐเดินหน้าแฉต่อ “อบต.สามัคคี” ฉาวอีก พบสถานีสูบน้ำใช้งบสร้างเกือบ 2 ล้านบาท สร้างเสร็จปล่อยทิ้งร้าง ขณะที่ประธานสภาระบุชาวบ้านยื่นสอบเงินหลวงเสียหายไปกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่จนป่านนี้ยังไร้เงาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
จากกรณีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสามัคคี อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน 15 หมู่บ้านให้ตรวจสอบการบริหารงานของนายกเทศบาลตำบล และปลัด อบต.สามัคคี เนื่องจากอ้างว่าการใช้งบประมาณในการซ่อมแซมถนนลูกรังแต่ไม่มีการซ่อมแซมจริง และหลายเส้นทางไม่มีถนนแต่ถูกตั้งงบเบิกจ่ายเสียหายไปกว่า 20 ล้านบาทจนเกิดการซักฟอก และผู้บริหารและปลัดไม่มาในที่ประชุมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย.) นายสุภัทรชัย หันจรัส ประธานสภา อบต.สามัคคี พร้อมตัวแทนชาวบ้าน 15 หมู่บ้านในตำบลสามัคคีนำพาสื่อมวลชนไปสำรวจโครงการก่อสร้างระบบประปาผิวดินขนาดกลาง บ้านโนนเสียว หมู่ที่ 6 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551 ด้วยงบประมาณ 1,796,500 บาท โดย หจก.ซีท๊อปเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เคยได้ใช้น้ำประปาแห่งนี้ ยังทำให้ชาวบ้านขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสภาพระบบประปาด้านในยังมีสภาพใหม่ แต่ไม่มีระบบสูบน้ำ แต่ภายนอกเริ่มขึ้นสนิม ซึ่งชาวบ้านเล่าว่าเคยสอบถามไปยัง อบต.สามัคคี กลับถูกบ่ายเบี่ยง จึงเชื่อว่าโครงการนี้เป็นอีกโครงการทุจริตทำให้งบประมาณแผ่นดินเสียหาย
นายสุภัทรชัย หันจรัส ประธานสภา อบต.สามัคคี กล่าวว่า โครงการนี้เบิกจ่ายเงินไปเรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่ตนจะมาเป็นประธานสภา พบว่าตั้งแต่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จก็ไม่เคยเปิดหรือทดลองว่าโครงการนี้ใช้การได้จริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ชาวบ้านยืนยันว่าไม่เคยได้ใช้น้ำเลย กรณีนี้ตนจะทำหน้าที่ตรวจสอบและขอเรียกร้องให้ ป.ป.ท. ป.ป.ช. และ สตง.เข้ามาร่วมตรวจสอบติดตาม เพราะเชื่อว่าหากตรวจสอบทุกโครงการของ อบต.สามัคคี ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับงบประมาณน่าจะมีมากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายที่มากที่สุด ทำให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของงบประมาณแผ่นดินต้องเดือดร้อน
สำหรับการตรวจสอบในขณะนี้มีรายงานว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งฝ่ายงานตรวจสอบสืบสวน สำนักงานตรวจสอบพิเศษภาค 7 เข้าติดตาม และยังมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.เข้าพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถตรวจเอกสารได้เนื่องจาก นายก อบต.สามัคคี และ ปลัด อบต.ยังไม่มาปฏิบัติหน้าที่
แต่แหล่งข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าโครงการที่ร้องเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-2559 มีมูลทุจริตจริง แต่จะต้องรอตรวจสอบเอกสาร ซึ่งเป็นสัญญาทางปกครองให้ละเอียดอีกครั้ง