ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คืบหน้าครูพละปาแก้วใส่นักเรียนสาวปากเบี้ยว ผลสอบผิดวินัยไม่ร้ายแรง ส่งเรื่องต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาบทลงโทษภายใน 15 วัน ระบุมีโทษตั้งแต่ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ไปจนถึงลดขั้นเงินเดือน ผอ.เรียกร้องช่วยกันดูแลทั้งโรงเรียน ครอบครัวและสังคม
วันนี้ (16 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่ น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ หรือน้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก อายุ 58 ปี ครูวิชาพลศึกษาของโรงเรียน ขว้างปาแก้วกาแฟเมลามีนถูกกกหูด้านซ้ายทำให้ได้รับบาดเจ็บใบหน้าเสียโฉม ปากเบี้ยว ตาซ้ายปิดไม่สนิท ล่าสุดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 31 ได้มีคำสั่งย้ายนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก อายุ 58 ปี ครูพลศึกษาที่ก่อเหตุ ไปช่วยราชการที่โรงเรียนบุญวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้นนั้น
ล่าสุด นายชูเกียรติ วิเศษเสนา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 31 (สพม.31) นครราชสีมา เปิดเผยผลการดำเนินการสืบสวนของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายสมัคร ไวยขุนทด ผู้อำนวยการโรงเรียนสุรนารีวิทยา เป็นประธาน พร้อมด้วยกรรมการรวม 3 คน ว่าคณะกรรมการฯ ได้ส่งผลการสืบสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาแล้ว ประด็นแรกเชื่อว่านายไพฑูรย์ได้โยนแก้วน้ำใส่กลุ่มเด็กนักเรียนจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะโยนไปถูกตัวน้องทราย พยานที่เป็นเพื่อนเด็กนักเรียนในห้องหลายคนยืนยันว่าแก้วน้ำที่นายไพฑูรย์โยนไปถูกขอบผนังหน้าต่างห้องพักครูก่อนจะกระเด็นไปถูกศีรษะของน้องทราย
เบื้องต้นคณะกรรมการสอบสวนวินัยสรุปว่า นายไพฑูรย์มีความผิดตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มาตรา 94 ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยไม่กระทำการใดๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว โทษคือเป็นความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
โดยหลังจากนี้คณะกรรมการสอบสวนวินัยของสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 31 จะนำผลสรุปเบื้องต้นส่งไปให้กับทาง ว่าที่ร้อยตรีนิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี เพื่อดำเนินการตั้งคณะกรรมการพิจารณาโทษความผิดทางวินัย ซึ่งบทลงโทษความผิดวินัยไม่ร้ายแรงจะมีโทษ 3 ขั้น ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ หรือตัดเงินเดือน ไปจนถึงลดขั้นเงินเดือน โดยให้สรุปผลการพิจารณาโทษให้ทางต้นสังกัดรับทราบภายใน 15 วัน
นายชูเกียรติระบุอีกว่า ผลสรุปดังกล่าวตนจะรายงานไปยังเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทุกระยะ ซึ่งทางเลขาธิการ สพฐ.ก็จะรายงานไปยัง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 31 ยังคงมีคำสั่งย้ายให้นายไพฑูรย์ ไปช่วยราชการที่โรงเรียนบุญวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะทางต้นสังกัดต้องพิจารณาเรื่องผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้งถึงจะมีคำสั่งแน่ชัดว่าจะสั่งย้ายขาดนายไพฑูรย์ไปอยู่ที่โรงเรียนอื่น หรือจะให้ย้ายกลับไปทำงานตามเดิม
ส่วนกรณีที่เด็กต้องการย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่นนั้น นายชูเกียรติกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ขัดข้องเพราะเป็นสิทธิของเด็ก และเด็กทุกคนสามารถย้ายโรงเรียนได้ทั้งสิ้นไม่ว่าจะอยู่ชั้นเรียนไหนก็ตาม และตามที่เด็กแจ้งไว้ว่าจะไปอยู่โรงเรียนในอำเภอหนองบุญมาก หรืออำเภอเมือง โรงเรียนไหนก็ได้ถ้าแผนการเรียนเข้ากันได้ อย่างเด็กคนนี้เรียนชั้น ม.5/10 แผนการเรียนทั่วไป โดยเน้นพลศึกษา โรงเรียนที่จะไปก็ต้องมีแผนการเรียนที่รับกันได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไปเรียนต่อไม่ได้เพราะแผนการเรียนไม่เท่ากัน
“กรณีนี้อยากฝากไปยังสังคมว่าขอให้ช่วยกันดูแลเด็กของเราทั้งที่โรงเรียน ทั้งที่ครอบครัว และในสังคมทั่วไป เพราะเด็กจะได้ดี ไตรภาคีก็คือทั้งโรงเรียน ทั้งครอบครัว และสังคมต้องช่วยกัน” นายชูเกียรติกล่าว