xs
xsm
sm
md
lg

ดับฝันอยากเป็นครูพละ! นร.เหยื่อครูปาแก้วเข้าให้ปากคำ ยันให้เป็นตาม กม.-หลังเกิดเหตุครูไม่เคยมาเยี่ยม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“น้องทราย” นักเรียนเหยื่อครูพละ ปาแก้วกาแฟโดนปากเบี้ยว รุดให้ปากคำกับสหวิชาชีพในคดีทำร้ายร่างกาย  ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 15 ก.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “น้องทราย” นักเรียนเหยื่อครูพละปาแก้วกาแฟโดนปากเบี้ยว รุดให้ปากคำกับสหวิชาชีพในคดีทำร้ายร่างกาย ยันขอย้ายโรงเรียนแต่ยังหาที่เรียนใหม่ไม่ได้ เผยจากนี้ขอรักษาตัวให้หายและให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามกระบวนการกฎหท่น ยันครูจงใจปาแก้วใส่และหลังเกิดเหตุไม่เคยมาเยี่ยมสอบถามอาการเลย ระบุไม่เคยขัดแย้งส่วนตัวกับครูพละแต่บุคลิกค่อนข้างดุ เสียงดัง เผยเคยฝันอยากเป็นครูและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่วันนี้ต้องเลิกล้มหลังเกิดเหตุ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ก.ย.) ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา นางปราณี จอดสันเทียะ และ น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ หรือน้องทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 ผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีครูพละโรงเรียนโชคชัยสามัคคี อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ขว้างแก้วกาแฟเมลามีนใส่ทำให้ปากเบี้ยว ใบหน้าเสียโฉม ตาปิดไม่สนิท พร้อมญาติพี่น้อง ได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในคดีทำร้ายร่างกายดังกล่าว โดยมี น.ส.สุภา ปุ้มแสง นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครราชสีมา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาพูดคุยและให้คำแนะนำก่อนเข้าห้องสอบสวน

สำหรับการสอบปากคำ น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ นั้นมีการจัดเตรียมห้องสอบสวนแยกออกจากห้องพนักงานสอบสวนอย่างชัดเจน ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมี น.ส.นฤดี พร้อมญาติอีก 1 คนเข้าร่วมสังเกตการณ์ และมีการบันทึกเสียงในการสอบปากคำ โดยผู้สอบปากคำจากสหวิชาชีพ ประกอบด้วย น.ส.กัญญพัชร เกียรติแสดงสิงห์ พนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมา นางสรณ์ศิริ ศิริวันอัมพร นักจิตวิทยา เนื่องจากผู้เสียหายเป็นเยาวชน ส่วน ร.ต.อ.กานต์ สิงห์ชัย พนักงานสอบสวน สภ.โชคชัย เจ้าของคดี นั่งแยกอยู่อีกห้องหนึ่งซึ่งมีเครื่องขยายเสียงและภาพกล้องวงจรปิดในห้องสอบสวนถ่ายทอดสดมาให้ชมและฟังตลอดการสอบสวน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด

ก่อนเข้าให้ปากคำในห้องสอบสวน นางปราณี จอดสันเทียะ แม่ของ น.ส.นฤดี จอดสันเทียะ หรือน้องทราย เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อมาให้ปากคำในคดีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยเจรจาตกลงกันเรื่องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลมา 3 ครั้งตามที่พนักงานสอบสวนนัดหมาย แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้นวันนี้เรื่องมาไกลแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ตอนนี้อยากรักษาให้น้องทรายหายเป็นปกติหรือกลับมาให้เป็นปกติมากที่สุด เนื่องจากหากปล่อยไว้นานหมอบอกว่าอาจตาบอดได้ และปัจจุบันตาน้องทรายเริ่มพร่ามัวมองไม่ชัดในระยะไกลๆ เวลานอนก็ลำบากต้องทาเจลหล่อเลี้ยงดวงตาไว้ไม่ให้แห้ง และปิดผ้ากอซไว้เพื่อป้องกันลมและเชื้อโรคเข้าไปในตา

สำหรับการย้ายโรงเรียนหาที่เรียนใหม่นั้นคงต้องคุยกันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการเดินทางไปรักษา และวันนี้เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ ขอเวลาหารือและพูดคุยกันก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ที่สำคัญต้องถามตัวน้องทรายเองว่าจะเอาอย่างไร

ขณะที่น้องทรายกล่าวว่า วันนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ และไม่อยากเรียนที่โรงเรียนโชคชัยสามัคคีอีก แม้ว่าจะไม่มีครูไพทูรย์ แกลงกระโทก ครูพละที่เป็นคู่กรณีสอนอยู่ในโรงเรียนแล้วก็ตาม เพราะสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ทำให้ตอกย้ำและไม่มีความสุขในการเรียนจึงอยากย้าย ส่วนจะขอย้ายไปอยู่ที่ไหนนั้นยังคิดไม่ออก เนื่องจากหากเข้ามาเรียนในตัวเมืองจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ครอบครัวก็ฐานะไม่ค่อยดี พ่อแม่ทำงานรับจ้างและทำไร่มันสำปะหลัง จะเป็นการสร้างภาระให้ครอบครัวอีก จึงขอดูโรงเรียนที่จะไปเรียนอีกครั้ง

เมื่อถามต่อว่าโดยส่วนตัวมีปัญหากับครูพละมาก่อนหน้านี้หรือไม่ น้องทรายกล่าวว่า ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ครูไพฑูรย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของตนมาตั้งแต่ ม.4 และเป็นครูสอนพละ จะพบเจอกันอยู่ตลอด เนื่องจากเราเรียนสายพลศึกษา แต่ครูไพฑูรย์จะมีบุคลิกที่เป็นครูค่อนข้างดุ เสียงดัง นักเรียนจะกลัวอยู่แล้ว และตนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นความตั้งใจของครูที่จะปาแก้วใส่ตน เพราะหลังปาเสร็จครูยังบอกว่า “จะให้หัวแตกไปเลย” และหลังเกิดเหตุครูไพฑูรย์ไม่เคยมาถาม หรือมาเยี่ยม มีเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนคนเดียวที่เข้ามาเยี่ยม มาคุย และเข้ามาสอบถาม

น้องทรายกล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) จะเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลยันฮี ซึ่งแพทย์บอกว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 วันในการตรวจอย่างละเอียด หากผลออกมาอย่างไร แพทย์ให้ปฏิบัติตัวอย่างไรจะเป็นไปตามนั้น หากได้กลับมาพักที่บ้านในช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบ ซึ่งตนขาดเรียนหลายวัน ไม่ได้ส่งงานครูที่สอน คงจะต้องไปไล่งานทำการบ้านส่งครูเพื่อให้ทันเพื่อน

“วันนี้ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เมื่อก่อนเคยฝันว่าเรียนจบแล้วจะมุ่งหวังไปเรียนเป็นครูสอนพละ หรือนักวิทยาศาสตร์การกีฬา เพราะเราเลือกเรียนมาสายกีฬา แต่วันนี้ความฝันนี้ต้องพังลง ไม่อยากเป็นแล้ว เพราะมีความรู้สึกไม่ดี” น้องทรายกล่าวในที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น