xs
xsm
sm
md
lg

กรมประมงหนุนประชารัฐกลุ่มสัตว์น้ำ ใช้องค์ความรู้ตามแนวทาง “3 สะอาด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จันทบุรี - กรมประมง มุ่งพัฒนาเกษตรกรภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐกลุ่มสัตว์น้ำ ชูซีพีเอฟ เป็นต้นแบบความสำเร็จในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้งได้ผลผลิตสูงแก่เกษตรกร นำร่องส่งเสริมสหกรณ์ประมงคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี ใช้องค์ความรู้ตามแนวทาง “3 สะอาด” เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ปลดหนี้สร้างสุข

ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยระหว่างนำคณะเจ้าหน้าที่กรมประมง กรมส่งเสริมสหกรณ์ สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร และคณะทำงานการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ กลุ่มสัตว์น้ำ หอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าเยี่ยมชมความคืบหน้า และการดำเนินงานของโครงการสานพลังประชารัฐกลุ่มสัตว์น้ำ ภายใต้การส่งเสริมความรู้และเทคโนโลยีจากบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ณ สหกรณ์ประมงคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี ว่า

โครงการประชารัฐนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้ดำเนินการสนับสนุน และผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประสบความสำเร็จ โดยโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้แก่เกษตรกรรายย่อยในกลุ่มสัตว์น้ำ โดยในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากซีพีเอฟในการถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงกุ้งตามแนวทาง “3 สะอาด” ของบริษัทให้แก่เกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตกรกลุ่มเป้าหมายอย่างยั่งยืน

โครงการนี้เป็นการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการดึงศักยภาพของภาคเอกชนที่มีจุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิตสัตว์น้ำ และด้านการตลาดมาช่วยพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ มีเป้าหมายความร่วมมือใน 12 สหกรณ์ 9 จังหวัด ครอบคลุม 5 ประเภทสินค้า ได้แก่ กุ้งขาวแวนนาไม กุ้งกุลาดำ กุ้งก้ามกราม ปลากะพงขาว และปลานิล ปัจจุบันมีสมาชิกสหกรณ์เป้าหมายเข้าร่วมโครงการนำร่อง 185 คน พื้นที่ 4,858 ไร่ ซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาและการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มการจ้างงานสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มขีดความสามารถของภาคประชาชน

“ที่ผ่านมา กรมประมงมีนโยบายสนับสนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อยรวมตัวกันเพื่อดำเนินการในลักษณะเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อให้มีการแบ่งปันประสบการณ์ และใช้สิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง และลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถปรับตัว และแข่งขันได้ในระยะยาว” ดร.จูอะดี กล่าว

ดร.จูอะดี กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการประชารัฐนั้น ภาครัฐมีนโยบายให้เอกชนเป็นผู้นำ ส่วนภาครัฐเองจะเป็นผู้สนับสนุนในด้านต่าง ๆเพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วง ซึ่งความร่วมมือจากภาคเอกชนในกลุ่มสัตว์น้ำนั้น ซีพีเอฟได้จับคู่ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) กับสหกรณ์ประมง 2 แห่ง ในจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สหกรณ์ประมงคุ้งกระเบน จำกัด และสหกรณ์ประมงจันทบุรี จำกัด เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยมีรายได้ที่ยั่งยืน

โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งให้มีประสิทธิภาพ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้แก่เกษตรกร เป็นการช่วยควบคุมและลดต้นทุนการเลี้ยงให้ต่ำลง ขณะเดียวกัน ยังสามตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดสาร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“การที่ซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนด้านความรู้ และเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้แก่สมาชิกสหกรณ์ทั้ง 2 แห่ง จะเป็นส่วนช่วยพัฒนาภาคการผลิตกุ้งของไทยให้มีมาตรฐาน ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้แก่เกษตรกร เพื่อส่งเสริมให้เป็นฟาร์มต้นแบบ สร้างโมเดลความสำเร็จเป็นแนวทางในการศึกษาของเกษตรกรอื่นๆ ในอนาคต และซีพีเอฟยังนำองค์ความรู้และประสบการณ์ไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ ทั้งที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกรภายนอกได้ประยุกต์ใช้เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป” ดร.จูอะดี กล่าว

ด้าน นายดำรง เสนาะสรรพ์ ประธานกรรมการ สหกรณ์ประมงคุ้งกระเบน จำกัด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า สหกรณ์ประมงคุ้งกระเบน มีจำนวนสมาชิก 225 คน มีพื้นที่รวมกัน 1,084 ไร่ โดยสหกรณ์ฯ ตัดสินใจร่วมโครงการนี้หลังจากได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมความสำเร็จในโครงการพัฒนาการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรซีพีเอฟ ที่อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี พัฒนาวิธีการเลี้ยงกุ้งให้มีมาตรฐานนำไปสู่การผลิตที่มีประสิทธิภาพ และผลผลิตที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน ด้วยแนวทาง “3 สะอาด” ได้แก่ กุ้งสะอาด น้ำสะอาด และพื้นบ่อสะอาด ที่บริษัทคิดค้นและถ่ายทอดแก่เกษตรกรของบริษัทจนประสบความเร็จเป็นอย่างดี

โดยสหกรณ์ฯ ได้คัดเลือกสมาชิกเกษตรกรต้นแบบ 5 ราย ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ประสบปัญหาด้านการเลี้ยงกุ้ง แต่เป็นเกษตรกรที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงในวิธีการและแนวทางการเลี้ยงการจัดการใหม่ๆ เพื่อทดลองการเลี้ยงตามวิธีการของบริษัทฯ

นายดำรง กล่าวต่อไปว่า จากปัญหาการเลี้ยงที่เกษตรกรต้องประสบมานาน ซีพีเอฟมาช่วยถ่ายทอดความรู้ให้ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานในการเลี้ยง โดยบริษัทได้เข้าทำความเข้าใจต่อเกษตรกร ช่วยสำรวจ และออกแบบผังฟาร์มใหม่ พร้อมปรับปรุงโครงสร้างฟาร์ม บ่อเลี้ยง และระบบน้ำภายในบ่อเลี้ยง ปรับปรุงระบบป้องกันทางชีวภาพ และการวางแผนการผลิตกุ้งตลอดโครงการ คาดว่าจะสามารถเพิ่มผลผลิตกุ้งจาก 1 ตันต่อไร่ เป็น 3-4 ตันต่อไร่ได้อย่างแน่นอน

นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ อธิบายถึงแนวทาง “3 สะอาด” ว่า เป็นแนวทางการเลี้ยงกุ้งเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นความสะอาดใน 3 ด้าน คือ น้ำสะอาดที่สุด ลูกกุ้งสะอาดปลอดโรค และพื้นบ่อสะอาด ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสามารถนำแนวทางต่างๆ เหล่านี้ไปพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมต่อสภาพการเลี้ยงของแต่ละฟาร์ม ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยป้องกัน และลดความเสียหายจากโรคต่างๆ ได้

ตามแนวทางดังกล่าว น้ำสะอาด หมายถึงน้ำต้องมีปริมาณสารอินทรีย์ที่ละลายในน้ำ (DOC : Dissolved Organic Carbon) ในระดับต่ำ ไม่มีตะกอน และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ไม่มีเชื้อโรคต่างๆ และต้องมีปริมาณน้ำสะอาดที่เพียงพอตลอดระยะเวลาการเลี้ยง โดยต้องมีการวางแผนการเลี้ยงและทำการปรับปรุงโครงสร้างฟาร์มให้เหมาะสม โดยสัดส่วนพื้นที่ระหว่างพื้นที่เก็บน้ำต่อพื้นที่การเลี้ยงที่เหมาะสมคือ 70:30

สำหรับ ลูกกุ้งสะอาด คือ ปลอดจากเชื้อต่างๆ เริ่มจากพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของการเลี้ยงกุ้ง เกษตรกรควรพิจารณาเลือกใช้ลูกกุ้งที่มาจากโรงเพาะฟักที่ได้มาตรฐาน พ่อแม่พันธุ์ต้องปลอดเชื้อ กระบวนการผลิตในโรงเพาะฟักนั้นจะต้องให้ความสำคัญต่อระบบไบโอซีเคียวเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อในทุกๆ ขั้นตอนของการผลิต

สุดท้าย พื้นบ่อสะอาด เกษตรกรต้องทำความสะอาดพื้นบ่อเพื่อกำจัดแหล่งอาศัยและอาหารของเชื้อโรค ที่สำคัญจะต้องเก็บตัวอย่างดิน และน้ำเพื่อตรวจเชื้อก่อนที่จะปล่อยกุ้งลงเลี้ยง ในระหว่างการเลี้ยงต้องมีการกำจัดตะกอนซึ่งเกิดจากขี้กุ้ง และเศษอาหารที่เหลือจากการกินของกุ้ง โดยดูดออกจากหลุมรวมตะกอนไปเก็บไว้ในบ่อเก็บตะกอน ห้ามปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และต้องระวังอย่าให้ตะกอนเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือมีเลนเกิดขี้นซึ่งแสดงถึงการจัดการที่ไม่ดี

“เกษตรกรต้องลดพื้นที่การเลี้ยงกุ้งเพื่อนำไปใช้เป็นพื้นที่เก็บน้ำสะอาดมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผลผลิตกุ้งลดลง จากประสบการณ์ของเราพบว่า ด้วยวิธี 3 สะอาด กุ้งจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงขึ้นจากปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงรวมถึงสภาพแวดล้อมดีขึ้น และหากเกษตรกรนำแนวทางไปใช้ และใส่ใจในการเลี้ยงเป็นอย่างดี จะทำให้ผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน” นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น