xs
xsm
sm
md
lg

ชุมชนชาวเชียงใหม่ 16 เครือข่ายยื่นศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบ “วัดอู่ทรายคำ” แนะหากต้องการเปิดโรงแรมให้ยื่นขออนุญาตตาม กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายชุมชนชาวเชียงใหม่ 16 เครือข่ายยื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรม เรียกร้องผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีวัดอู่ทรายคำ โดยกรณีเปิดให้บริการห้องพักลักษณะคล้ายโรงแรม ชี้ไม่เหมาะสมและกระทบความเชื่อชาวล้านนา แนะหากต้องการเปิดเป็นโรงแรมให้ขออนุญาตถูกกฎหมาย และจัดสัดส่วนห้องพักแบ่งแยกพระสงฆ์และคนทั่วไปให้ชัดเจน ขณะที่กรณีก่อสร้างอาคารสูงติดกับหอไตรไม้เก่าอายุกว่าร้อยปี ขอให้ตรวจสอบว่ามีการดำเนินการรื้อถอนและขออนุญาตก่อสร้างตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ พร้อมเสนอควรมีการตั้งคณะกรรมการร่วมประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญทุกด้านร่วมกันพิจารณาป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งก่อสร้างหรืออาคารโบราณในวัด

วันนี้ (6 ก.ย. 59) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวเชียงใหม่ 16 เครือข่าย ประกอบด้วย บ้านชุ่มเมืองเย็น, ชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่, รักษ์ล้านนา, เขียว สวย หอม, เมือง-เมือง, คนใจบ้าน, ชุมชนย่านสามกษัตริย์, ชมรมอาสาสมัครกฎหมายเพื่อผู้หญิง, จับตาเชียงใหม่, สถาบันการจัดการทางสังคม, สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน, องค์กรงดเหล้า 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน, รักษ์แม่ปิง, ผู้หญิงเชียงใหม่, ชมรมคนช้างม่อย และเครือข่ายระมิงค์เมือง เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, พระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่, ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาเชียงใหม่, ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 8 และนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร้องเรียนและขอให้ตรวจสอบกรณีวัดอู่ทรายคำ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กรณีก่อสร้างอาคารสูงติดกับหอไตรไม้เก่าอายุกว่าร้อยปี และกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและภาพในโซเชียลมีเดียระบุว่าวัดมีการเปิดให้บริการห้องพักลักษณะคล้ายโรงแรม

ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อต่างๆ ทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลาง เรื่องการสร้างอาคารสูงติดหอไตรโบราณในวัดอู่ทรายคำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนช้างม่อยเก่า ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และสื่อได้นำเสนอภาพที่เกี่ยวข้องกับการเข้าพักในที่พักคล้ายโรงแรมภายในวัด แสดงให้เห็นว่าผู้เข้าพักมีทั้งพระสงฆ์และบุคคลทั่วไปทั้งชายและหญิง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วถึงความเหมาะสม ซึ่งอาจสั่นคลอนต่อความเชื่อและความศรัทธาในบวรพุทธศาสนา

อีกทั้งในปัจจุบันการก่อสร้างอาคารถาวรวัตถุภายในวัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้สร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลายแห่งละเลยความเชื่อความศรัทธา จารีตประเพณี ที่นับถือยึดมั่น ละทิ้งภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี ของเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “มหานครที่ยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรม”

โดยในนามของภาคประชาชนจึงขอให้ท่านดำเนินการดังนี้ 1. ตรวจสอบและขึ้นทะเบียนอาคารและโบราณสถานที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เพื่อป้องกันการรื้อถอน เปลี่ยนแปลง หรือทำลายโบราณสถานด้วยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์,

2. ตรวจสอบและพิจารณาการขออนุญาตก่อสร้างของวัด ตามขั้นตอนอย่างเข้มข้น และถูกต้องตามเทศบัญญัติอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น,

3. การจัดการเรื่องที่พักภายในวัด หากเข้าข่ายเป็นที่พักเหมือนโรงแรม ขอให้ขออนุญาตตามกฎหมายให้ถูกต้อง และต้องมีการแยกที่พักของสงฆ์ และบุคคลทั่วไปชาย-หญิงอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้พระพุทธศาสนาต้องมัวหมอง

และ 4. ขอให้จังหวัดแต่งตั้งคณะบุคคล ที่ประกอบไปด้วยผู้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม หน่วยงานทางโยธา และผู้แทนในส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อช่วยพิจารณาในการขออนุญาตรื้อถอน เปลี่ยนแปลง หรือก่อสร้างในเขตวัด และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบในที่เห็นชัดแจ้ง

นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบวัดอู่ทรายคำ โดยในกรณีก่อสร้างอาคารสูงค้ำหอไตรไม้เก่าอายุกว่าร้อยปีของวัด ซึ่งเครือข่ายชุมชนชาวเชียงใหม่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทั้งในแง่ที่กระทบต่อความเชื่อความศรัทธาของชาวล้านนา และหวั่นเกรงว่าหอไตรดังกล่าวที่ถือเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของล้านนาจะได้รับความเสียหาย

ดังนั้น จึงต้องการให้มีการตรวจสอบว่าการดำเนินการก่อสร้างดังกล่าวของวัดเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายอย่างถูกต้องหรือไม่ ขณะเดียวกันเสนอให้มีการตรวจสอบและขึ้นทะเบียนอาคารหรือสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อายุเกิน 100 ปีในวัดเป็นโบราณสถาน และเสนอว่าควรมีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม หน่วยงานทางโยธา และผู้แทนในส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อช่วยพิจารณาในการขออนุญาตรื้อถอน เปลี่ยนแปลง หรือก่อสร้างในเขตวัดในอนาคตเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสิ่งก่อสร้างโบราณ

ขณะที่กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลและภาพในโซเชียลมีเดียระบุว่า วัดมีการเปิดให้บริการห้องพักลักษณะคล้ายโรงแรมนั้น ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่กล่าวว่า ทางเครือข่ายชุมชนชาวเชียงใหม่ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย

เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นในโซเชียลมีเดียพบว่าผู้ที่เข้าพักในห้องพักของวัดนอกจากพระสงฆ์แล้วยังมีคนทั่วไปทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย ซึ่งหากเป็นจริงก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมที่ทั้งพระสงฆ์และคนทั่วไปสามารถใช้ห้องพักหรือที่นอนร่วมกันได้ เพราะตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวล้านนา แม้แต่ที่นั่งของพระสงฆ์ คนทั่วไปก็จะไม่ไปนั่ง

ทั้งนี้ หากทางวัดต้องการจะเปิดให้บริการห้องพักในลักษณะเดียวกับโรงแรมจริง เสนอว่าควรจะดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีการจัดระเบียบ รวมทั้งจัดสรรที่พักให้เป็นสัดส่วนระหว่างที่พักสำหรับพระสงฆ์กับที่พักสำหรับคนทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาจากประสบการณ์ส่วนตัวเคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ใหญ่ที่นับถือเป็นผู้หญิงที่เคยมานอนพักที่ห้องพักของวัดแห่งนี้มาแล้ว

โดยที่พบว่าห้องพักเป็นห้องเดียวกับที่ให้พระสงฆ์พัก และห้องพักก็อยู่ชั้นบนของอาคาร ในขณะที่ชั้นล่างสุดมีพระลูกวัดทำหน้าที่เสมือนเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสมและต้องการให้มีการตรวจสอบพร้อมดำเนินการให้เหมาะสม








กำลังโหลดความคิดเห็น