xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายชุมชนเชียงใหม่เตรียมยื่นศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบวัดดังกรณีสร้างตึกสูงค้ำหอไตรร้อยปี-เปิดบริการห้องพัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายชุมชนรักษ์เมืองเชียงใหม่ เตรียมยื่นหนังสือทางการผ่านศูนย์ดำรงธรรม ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขอให้สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีวัดดังสร้างตึกสูงค้ำหอไตรไม้เก่าอายุกว่า 100 ปี ทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง แถมเปิดห้องพักคล้ายโรงแรม พร้อมจัดบริการครบแม้แต่นวดแผนโบราณ เผยทั้งวัดมีพระสงฆ์จำพรรษาทั้งหมด 6 รูป

จากกรณีที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก “เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่” ได้ทำการแชร์โพสต์ของผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก Saowakhon Sriboonruang ที่โพสต์ข้อความว่า “เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร???? วันที่วัดสร้างอาคารใหม่ ติดกับหอไตรเก่าแก่งดงาม สูงตระหง่านค้ำหอไตร สูงกว่าเจดีย์ สูงกว่าวิหาร ฤาความเชื่อความยึดถือศรัทธาสิ้นมนต์ไปจากแผ่นดินล้านนาเสียแล้ว” พร้อมกับภาพถ่ายหอไตรที่สร้างจากไม้เกือบทั้งหลังอายุเก่าแก่ในวัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพื้นที่ติดกันนั้นทางวัดกำลังทำการก่อสร้างอาคารที่มีการขึ้นโครงสร้างเสา และเทพื้นแล้ว คาดว่าน่าจะมีความสูงไม่ต่ำกว่า 3 ชั้น และความสูงเบื้องต้นเท่ากัน หรือสูงกว่าหอไตรแล้ว ซึ่งผู้ที่เห็นโพสต์ดังกล่าวต่างแสดงความเห็นว่าการสร้างอาคารสูงดังกล่าวค้ำหอไตรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่วัดเป็นผู้สร้างเอง

ขณะที่ต่อมาแฟนเพจเฟซบุ๊ก “จับตาเชียงใหม่” ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยการโพสต์แชร์ข่าว “หดหู่! ชุมชนโพสต์ภาพวัดเชียงใหม่สร้างตึกประชิด และสูงค้ำหอไตรไม้เก่าแก่อายุกว่าร้อยปี-เหยียบย่ำศรัทธา” จากเว็บไซต์ www.manager.co.th และมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งในแง่ความเหมาะสม และการตั้งคำถามถึงวัตถุประสงค์ในการสร้างอาคารใหม่ของทางวัด ขณะเดียวกัน ยังได้มีการโพสต์ภาพห้องพักที่ดูคล้ายห้องพักโรงแรม ทั้งจากการจัดวางเตียงที่นอน และสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน รวมทั้งยังได้มีการโพสต์ภาพที่ดูคล้ายระเบียบเกี่ยวกับการใช้ห้องพักด้วย ซึ่งระบุว่าเป็น “ศูนย์ที่พักอาคันตุกะสงฆ์ และผู้ติดตาม” วัดอู่ทรายคำ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และมีหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ ตลอดจนมีการระบุเกี่ยวกับบริการนวดแผนโบราณด้วย

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า หลังจากที่มีการเผยแพร่กรณีดังกล่าว พบว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่าวของวัดได้รับการร้องเรียนจากประชาชนไปยังทางเทศบาลนครเชียงใหม่ด้วย ซึ่งเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้มีการทำหนังสือชี้แจงลงวันที่ 22 ส.ค.59 ระบุว่า ทางวัดได้ยื่นขออนุญาตสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 4 ชั้น

อย่างไรก็ตาม ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาต แต่ทางวัดได้ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนแล้ว จึงได้มีการสั่งระงับการก่อสร้างไว้ก่อนแล้วจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอาคารดังกล่าวของวัด พบว่า การก่อสร้างกลับยังมีดำเนินการคืบหน้ามากขึ้นตามลำดับ จนเห็นชัดเจนขึ้นว่าอาคารหลังนี้น่าจะสูงกว่าหอไตรไม้อายุเก่ากว่า 100 ปี ทั้งๆ ที่อยู่ระหว่างการสั่งระงับก่อสร้าง

ทั้งนี้ จากการติดต่อกับวัดดังกล่าวทางโทรศัพท์เพื่อขอสอบถามพูดคุยกับทางเจ้าอาวาสวัดเกี่ยวกับกรณีการก่อสร้างอาคารนั้น ทางลูกศิษย์วัดแจ้งว่า ช่วงนี้เจ้าอาวาสไม่อยู่เนื่องจากติดกิจนิมนต์และไม่ทราบว่าจะกลับมาวันใด รวมทั้งไม่มีผู้ที่จะสามารถชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดได้ด้วย โดยยอมรับว่า เวลานี้อาคารดังกล่าวถูกระงับการก่อสร้างจากทางเทศบาลนครเชียงใหม่ และทางวัดได้ยุติการก่อสร้างไว้แล้ว

ส่วนอาคาร 3 ชั้น ที่มีอยู่เดิมของวัดนั้นขอปฏิเสธว่าไม่ได้มีการเปิดให้บริการในลักษณะเป็นโรงแรมที่พักแต่อย่างใด โดยยอมรับว่า มีการเปิดห้องให้พักจริง แต่ให้เป็นที่พักเฉพาะพระสงฆ์ที่มีความจำเป็นเท่านั้น เช่น เจ็บป่วยจากต่างจังหวัดมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่หรือมาติดต่อกิจธุระแล้วไม่มีที่พัก ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เคยเปิดให้คนทั่วไปเข้าพัก โดยทั้งวัดมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ทั้งหมด 6 รูป และไม่ขอให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติมแล้ว

ด้าน นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีการก่อสร้างอาคารสูงกว่าหอไตรไม้เก่าอายุกว่า 100 ปีของวัดดังกล่าว ในส่วนของชุมชนมองว่าไม่เหมาะสม และกระทบต่อความเชื่อความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อพระพุทธศาสนา รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณี และความเชื่อของคนล้านนา ตลอดจนจะกระทบต่อความพยายามของทุกภาคส่วนในการผลักดันเมืองเชียงใหม่สู่การเป็นเมืองมรดกโลกด้วย นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวด้วยว่าทางวัดมีการใช้อาคารที่มีอยู่เดิมให้บริการที่พัก นอกเหนือไปจากการให้เป็นที่พักสำหรับพระสงฆ์จากต่างถิ่นที่มีความจำเป็น ซึ่งหากเป็นความจริงก็เห็นว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.59 ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายได้มีโอกาสพบ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกรณีดังกล่าวของวัดอู่ทรายคำ ให้ทราบด้วยวาจาอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการให้เกิดความถูกต้องเหมาะสม ซึ่งเบื้องต้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แสดงความห่วงใย และขอให้ทางเครือข่ายทำหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป











สภาพการก่อสร้างอาคารเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
สภาพการก่อสร้างอาคารเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น