ศูนย์ข่าวศรีราชา- ไฟไหม้โรงงานมิตซูบิชิ ในนิคมฯ แหลมฉบัง ภายในห้องอบสีเก่าซึ่งอยู่ระหว่างรื้อถอน คาดว่าสะเก็ดไฟจากเครื่องเชื่อม หรือเครื่องตัดเหล็กกระเด็นไปถูกสี และทินเนอร์จนเกิดเพลิงลุกไหม้ โชคดีสามารถสกัดเพลิงไว้ได้รวดเร็ว ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนค่าเสียหายเพียงเล็กน้อย
วันนี้ (17 ส.ค.) ร.ต.ท.อำพล คล้ายวงษ์ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 199 หมู่ 3 นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงประสานรถดับเพลิงในพื้นที่ พร้อมรายงานให้ผู้บริหารระดับสูงทราบ และเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของโรงงานหวั่นจะได้รับอันตราย โดยให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปได้ ส่วนผู้ไม่เกี่ยวข้องให้สังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าโรงงานเท่านั้น
ในเวลาต่อมา นายวรญาณ บุญณราช นายอำเภอศรีราชา น.ส.พิมานพัชร์ สัมมาจิรากุล ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นายสุขุม อินแดง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พร้อมรถดับเพลิงของเทศบาลนครแหลมฉบัง การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และพื้นที่ใกล้เคียง จำนวน 7 คัน เข้าไประงับเหตุในครั้งนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ด้าน นายศราวุธ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับจุดที่เกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นโรงเรือนอบสีเก่า ขนาดกว้าง 10 เมตร คูณ 10 เมตร ซึ่งทางบริษัทฯ เลิกใช้งานมานานหลายปีแล้ว และอยู่ในระหว่างทำการรื้อถอนอาคารเพื่อปรับปรุงใช้ประโยชน์อย่างอื่น โดยมีผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการรื้ออาคารดังกล่าวอยู่
โดยในระหว่างการรื้อถอนคาดว่าสะเก็ดจากเครื่องเชื่อม หรือเครื่องตัดเหล็กอาจกระเด็นไปถูกสีหรือทินเนอร์เก่าทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ แต่โชคดีสามารถควบคุมเพลิงได้รวดเร็ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนความเสียหายไม่มาก เนื่องจากเป็นอาคารที่กำลังจะรื้อถอนอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
น.ส.พิมานพัชร์ สัมมาจิรากุล ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ ทางการนิคมฯ จะเข้ามาตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และพร้อมดำเนินการตามกฎหมายของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนั้น จะตรวจสอบมาตรการในการป้องกันเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงานด้วย ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าประสานหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้าระงับเหตุได้ทันท่วงที