ราชบุรี - ศาลจังหวัดราชบุรี ให้ประกัน 4 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตย กับหนึ่งนักข่าวอีก 1 คนแล้ว หลังถูกควบคุมตัวมาฝากขังที่ศาล
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้นำตัว นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 27 ปี นายอนันต์ โลเกตุ อายุ 25 ปี นายอนุชา รุ่งมรกต อายุ 25 ปี นายภาณุวัฒน์ ทรงสวัสดิ์ชัย อายุ 23 ปี ทั้ง 4 คนเป็นนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และนายทวีศักดิ์ เกิดโภคา อายุ 25 ปี นักข่าวหนังสือพิมพ์ประชาไท ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดราชบุรี
หลังเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าได้ทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรค 2 ระบุว่า “ผู้ใดดําเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียงในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียงให้ถือว่าผู้นั้นกระทําการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย”
หลังบุคคลทั้งหมดได้มาให้กำลังแกนนำกลุ่ม นปช.บ้านโป่ง ซึ่งนำโดย นายบริบูรณ์ เกียงวรางกูร พร้อมพวก 18 คน ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ตามหมายเรียกตัว สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2559 มีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี
ความคืบหน้าในช่วงบ่ายของวันนี้ (11 ก.ค.) กลุ่มมวลชนที่มาให้กำลังใจกันตั้งแต่เช้าก็ยังคงปักหลักรอว่าศาลจังหวัดราชบุรีจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร โดยมี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว มาให้กำลังใจผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 คน ต่อมา ในเวลา 15.30 น. ผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 คนได้ถูกศาลอนุญาตให้มีการฝากขังตามคำร้องของพนักงานสอบสวน แต่ให้มีการประกันตัวได้ โดย น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 5 คน ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวด้วยเงินสดคนละ 1.4 แสนบาท และสามารถปล่อยตัวออกมาได้ในเวลา 17.20 น. ท่ามกลางมวลชนที่มารอให้กำลังใจมอบดอกกุหลาบให้ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดราชบุรี และขอให้สู้ต่อไป
นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 27 ปี หนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับการประกันตัวออกมา กล่าวว่า ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิดจนต้องมาถูกดำเนินคดีที่ศาล ซึ่งความตั้งใจคือ ต้องการแค่มาให้กำลังใจกลุ่มของชาวบ้าน อ.บ้านโป่ง ที่ถูกออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเพราะชุมนุมเกิน 5 คน ถึงแม้ว่าบนรถจะมีเอกสาร ซึ่งก็เป็นเอกสารที่เราเชื่อว่าเป็นเอกสารที่สามารถรณรงค์ได้ในประเด็นของการลงประชามติของร่างรัฐธรรมนูญ และเราไม่ได้นำเอกสารเหล่านั้นมาแจก แต่อาจจะมีการยกขึ้นมาจากท้ายรถ แต่เราไม่ได้มีลักษณะของการแจก และหลังจากนี้ก็จะเดินหน้าต่อไป
“แต่คิดดูว่าวันนี้แค่เรามีเอกสารไว้ในรถ และไม่ได้แจกยังเกือบจะต้องนอนคุก ซึ่งคงจะต้องกลับไปปรึกษากันก่อนว่าจะจัดต่อไปอย่างไร และจะต้องจี้ถามไปทาง กกต.และกรรมาธิการร่างฯ ซึ่งจะต้องตอบให้ชัดว่า เอกสารของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ทั้งความเห็นแย้ง แผ่นพับ และสติกเกอร์ว่าสุดท้ายแล้วสามารถทำได้หรือไม่”