"บิ๊กตู่"เผยยังมีคนสร้างความบิดเบือนการลงคะแนนประชามติ ยันไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามา ไม่ยกเลิกโครงการเป็นประโยชน์ ซัดถูกใส่ไฟข้ามประเทศ กุเรื่องรัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี ฆ่าคน ยันจับ นศ. ผิดก็ว่าไปตามผิด เดือดปฏิรูปตำรวจปัญหามากนัก ถามปลดแม่งให้หมดเอาไหม จะได้จบ หลุดปากถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน จะเขียนเอง สุดท้ายบอกพูดเอามัน แบบคาบลูกคาบดอก อย่าได้ถือสา "มาร์ค"บอกถ้าจะเขียนเอง ก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างการเป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2559 ที่อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี วานนี้ (11 ก.ค.) ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศต้องการความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจ เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบิดเบือนอะไรต่อไปได้แล้ว
ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ได้รับแจ้งมาว่ามีคนนั่งแท็กซี่ แล้วบอกว่า การไปลงประชามติครั้งนี้ ไม่ต้องไป ถ้าไปจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่รู้ ผมพูดไม่ได้ เพราะไม่ได้เชียร์ทั้งสองอย่าง เรื่องนี้แล้วแต่ทุกคน แต่เขาบอกกันว่า ถ้ารัฐบาลเข้ามา หรือมีการเลือกตั้งครั้งหน้า เกิดไม่ใช่รัฐบาลเขา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขานั้นคือใคร สิทธิ์ 30 บาท หรือบัตรทอง การเรียนฟรี 15 ปี ก็จะหายไป
"ผมอยากถามว่าใครคิดแบบนี้บ้าง แล้วทำไมจึงมีการพูดลักษณะนี้อยู่ มันทำให้เกิดความสับสนทั้งหมด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผมเข้ามาเพื่อให้เกิดความชัดเจน แล้วผมก็ไป ผมเข้ามาวางพื้นฐานให้กับทุกคน แต่ถ้าคนยังทำแบบนี้ สร้างความบิดเบือน ประเทศก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ วันข้างหน้าปัญหาทุกอย่างจะกลับมาทั้งหมด ผมจึงเน้นในเรื่องของการทำกฎหมายใหม่ให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรม"
จากนั้น นายกฯ ได้ยกตัวอย่างกองทุนการออมแห่งชาติ ที่ได้มีการแก้ไขมาตรา 39 มาตรา 40 ในเรื่องของการเพิ่มอายุ ซึ่งนายกฯ ย้ำต่อว่า เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครพูดในแท็กซี่บ้าง เรื่องดีๆ มีไหม ไม่มี ต่างประเทศก็ไปพูดว่า รัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ ปิดทีวี ฆ่าคน แล้วมีใครตายสักคนไหม มีใครตายบ้าง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 มีใครตายบ้าง ท่านต้องช่วยผมพูด อย่าให้เขามองว่า การที่ผมเข้ามา มันคือการปฏิวัติรัฐประหารเหมือนที่คนอื่นในโลกเขาทำกัน ถ้าทำแบบนั้น ผมทำง่าย จะเปลี่ยนให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า ที่นึกจะปิดอะไรก็ปิด นึกจะยึดอะไรก็ยึด นึกจะให้มีการปฏิรูปตำรวจใหม่ ก็ปลดตำรวจแม่งทั้งหมดทีเดียว จะเอาไหม จะได้จบเสียที ถอดยศกันให้หมด แล้วตั้งใหม่ สตาร์ท สิบตรีมา คิดอย่างนี้ซิว่าอะไรที่มีอยู่แล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งทุกอย่างเริ่มที่คนทั้งสิ้น ผมไม่อยากจะโทษใคร แต่ถ้าทำกันแล้วมีปัญหากันมากๆ เดี๋ยวผมจะทำเองให้ทั้งหมด
สำหรับกองทุนยุติธรรม นายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คนจนไม่มีโอกาสมาสู้คดี หนีง่ายกว่า แค่เห็นทหาร ตำรวจ ก็กลัวแล้ว ถามซิว่าประชาชน ตำรวจ และทหาร รักกันดูดดื่มไหม แค่เห็นตำรวจ และทหาร ก็วิ่งกันแล้ว ยังไม่รู้ผิดอะไรเลย แค่คิดว่าตัวเองผิด ฉะนั้นจะต้องไม่กลัวกันแบบนั้น ถ้าไม่ทำความผิดไม่ต้องกลัว ถ้าทำอะไรผิดก็ต้องสู้คดีไป สังคม และอนาคตต้องเป็นแบบนี้ ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจกฎหมาย ออกมาเพื่ออะไร อย่าให้เข้าใจว่า กฎหมายออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปบังคับประชาชน ซึ่งต้องมีบทที่บังคับเจ้าหน้าที่บ้าง ก็จะทำให้เป็นกฎมายที่ประชาชนไว้วางใจ
"ผมถึงบอก ถ้าไม่เรียบร้อย ผมเขียนเองก็ได้ จะเขียนแบบที่ประชาชนต้องการ ผมไม่ได้เขียนแบบที่อยากเขียน ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมอ่านเอา และเอาความรู้สึกของประชาชนที่ต้องการอะไรมาเขียน แล้วจะดูว่า มันผ่าน หรือไม่ผ่าน หรือจะไม่มีผ่านมากกว่าเดิม มันอยู่ที่ใจของทุกคน หากใจทุกคนอยากจะทำ ก็ทำได้หมดในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ ที่ทำไม่ได้" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคำพูดดังกล่าวทำให้มีการตีความว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน นายกฯ จะเป็นคนร่างเอง ซึ่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พูดบนเวทีว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะร่างเองว่า "ผมพูดถึงว่า ถ้ามีปัญหามากนัก ทำนองนั้น ผมก็จะมาลองคิดดูว่า ผมควรจะทำเองหรือเปล่า บางทีผมก็พูดทำนองอย่างนี้ ผมถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เป็นทางการ อย่ามาถือสาผม ผมก็พูดของผมให้มีอารมณ์ไปเรื่อย ถือเป็นหลักการพูด รู้จักกันบ้างหรือไม่ ซึ่งคำทางพระเรียกว่า เทศน์แบบคาบลูก คาบดอก"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่จับกุมนักศึกษา ที่ จ.ราชบุรี เกี่ยวโยงกับร่างรัฐธรรมนูญปลอมว่า ทราบว่าตำรวจจับในเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ที่ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าไม่ผิด ก็ปล่อย แต่ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการ อย่ามาอ้างว่าเป็นนักศึกษาแล้วทำผิดได้หมด เข้าใจคำนี้ไหม ทุกคนถือกฎหมายอันเดียวกันหมด
ส่วนกรณีที่มีนักข่าวประชาไทถูกจับกุมด้วยนั้น นายกฯ กล่าวว่า ทุกหัวหนังสือ ถ้าผิดก็โดนหมด แล้วผิดหรือเปล่า ถ้าผิดก็โดนจับ หรือเขาละเว้นนักข่าวไว้ไม่ให้โดนจับ หนังสือพิมพ์ไม่ต้องรับผิดชอบ สปท. เสนอ พ.ร.บ.สื่อมาแล้ว รอดูก็แล้วกัน รับกันบ้าง ปฏิรูปกันบ้าง ไม่ใช่ดันคนอื่นปฏิรูป แต่สมาคมสื่อฯ ไม่ปฏิรูปตัวเอง เป็นบุคคลพิเศษ หรือยังไง
เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวล้มประชามติ มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ตรงนี้จะทำความจริงให้ปรากฏถึงต้นตอได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขากำลังสาวอยู่ สื่อสาวสิ รู้ไหมว่าใคร เวลาสื่อได้ข้อมูล เขาเล่ามาเขียนเป็นตุเป็นตะ ก็มาบอกตนสิ เวลาใครบอกอะไร ก็เชื่อเขาหมด และเขียนให้หงุดหงิดทั้งวัน บ้านเมืองปั่นป่วน เพราะสื่อเชื่อเขา แต่ที่ตนพูดกลับไม่เชื่อ คสช.สืบหาคนบงการอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว โดยใช้กฎหมาย ดูความประพฤติ ปฏิบัติ เส้นทางการเงิน ซึ่งตนใช้หน่วยงานที่มีอยู่ทำตามปกติ ใครวุ่นวายมากก็สอบว่า เอาเงินทองมาจากไหน เกี่ยวพันใครก็โดนทั้งหมด ก็ขึ้นศาลกันไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็จะร่างเอง ว่า ก็เป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว แต่ประเด็นอยู่ว่า การร่างเอง จะทำด้วยวิธีไหน อย่างไร ตนเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์ ถ้าจะตั้งในรูปแบบคณะกรรมการอีก แต่คิดว่าจะต้องเปิดให้ประชาชนร่วมออกความเห็น และรับฟังพวกเขาในรูปแบบไหนดีกว่า อย่าลืมว่าหลังจากการรัฐประหาร 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าท่านไปร่างเอง ก็หมายความว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน 2 ฉบับ ซึ่งก็ต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่าที่ไม่ผ่านเป็นเพราะอะไร การที่จะไปร่างรัฐธรรมนูญเอง โดยที่ไม่สรุปส่วนนี้ด้วย ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะแม้จะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ แต่การยอมรับก็จะไม่เกิด ส่วนการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค. เห็นว่าไม่ควรมีใครนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองให้กระทบกับคสช. หรือรัฐบาล เพราะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ได้นำตัวนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พร้อมนักข่าวรวม 5 คน ไปฝากขังศาลจังหวัดราชบุรี ฐานทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรค 2 โดยกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดต่างพูดตลอดทางก่อนจะขึ้นรถว่า "โหวตโนเป็นสิทธิ ไม่ผิดกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างการเป็นประธานในงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2559 ที่อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี วานนี้ (11 ก.ค.) ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศต้องการความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจ เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิด หรือบิดเบือนอะไรต่อไปได้แล้ว
ทั้งนี้ นายกฯ ระบุว่า ได้รับแจ้งมาว่ามีคนนั่งแท็กซี่ แล้วบอกว่า การไปลงประชามติครั้งนี้ ไม่ต้องไป ถ้าไปจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ไม่รู้ ผมพูดไม่ได้ เพราะไม่ได้เชียร์ทั้งสองอย่าง เรื่องนี้แล้วแต่ทุกคน แต่เขาบอกกันว่า ถ้ารัฐบาลเข้ามา หรือมีการเลือกตั้งครั้งหน้า เกิดไม่ใช่รัฐบาลเขา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขานั้นคือใคร สิทธิ์ 30 บาท หรือบัตรทอง การเรียนฟรี 15 ปี ก็จะหายไป
"ผมอยากถามว่าใครคิดแบบนี้บ้าง แล้วทำไมจึงมีการพูดลักษณะนี้อยู่ มันทำให้เกิดความสับสนทั้งหมด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผมเข้ามาเพื่อให้เกิดความชัดเจน แล้วผมก็ไป ผมเข้ามาวางพื้นฐานให้กับทุกคน แต่ถ้าคนยังทำแบบนี้ สร้างความบิดเบือน ประเทศก็ยังคงเป็นอยู่แบบนี้ วันข้างหน้าปัญหาทุกอย่างจะกลับมาทั้งหมด ผมจึงเน้นในเรื่องของการทำกฎหมายใหม่ให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรม"
จากนั้น นายกฯ ได้ยกตัวอย่างกองทุนการออมแห่งชาติ ที่ได้มีการแก้ไขมาตรา 39 มาตรา 40 ในเรื่องของการเพิ่มอายุ ซึ่งนายกฯ ย้ำต่อว่า เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครพูดในแท็กซี่บ้าง เรื่องดีๆ มีไหม ไม่มี ต่างประเทศก็ไปพูดว่า รัฐบาลจับนักข่าวขัง ปิดหนังสือพิมพ์ ปิดทีวี ฆ่าคน แล้วมีใครตายสักคนไหม มีใครตายบ้าง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 มีใครตายบ้าง ท่านต้องช่วยผมพูด อย่าให้เขามองว่า การที่ผมเข้ามา มันคือการปฏิวัติรัฐประหารเหมือนที่คนอื่นในโลกเขาทำกัน ถ้าทำแบบนั้น ผมทำง่าย จะเปลี่ยนให้เป็นแบบนั้นหรือเปล่า ที่นึกจะปิดอะไรก็ปิด นึกจะยึดอะไรก็ยึด นึกจะให้มีการปฏิรูปตำรวจใหม่ ก็ปลดตำรวจแม่งทั้งหมดทีเดียว จะเอาไหม จะได้จบเสียที ถอดยศกันให้หมด แล้วตั้งใหม่ สตาร์ท สิบตรีมา คิดอย่างนี้ซิว่าอะไรที่มีอยู่แล้ว จะทำอย่างไร ซึ่งทุกอย่างเริ่มที่คนทั้งสิ้น ผมไม่อยากจะโทษใคร แต่ถ้าทำกันแล้วมีปัญหากันมากๆ เดี๋ยวผมจะทำเองให้ทั้งหมด
สำหรับกองทุนยุติธรรม นายกฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คนจนไม่มีโอกาสมาสู้คดี หนีง่ายกว่า แค่เห็นทหาร ตำรวจ ก็กลัวแล้ว ถามซิว่าประชาชน ตำรวจ และทหาร รักกันดูดดื่มไหม แค่เห็นตำรวจ และทหาร ก็วิ่งกันแล้ว ยังไม่รู้ผิดอะไรเลย แค่คิดว่าตัวเองผิด ฉะนั้นจะต้องไม่กลัวกันแบบนั้น ถ้าไม่ทำความผิดไม่ต้องกลัว ถ้าทำอะไรผิดก็ต้องสู้คดีไป สังคม และอนาคตต้องเป็นแบบนี้ ต้องทำให้ประชาชนเข้าใจกฎหมาย ออกมาเพื่ออะไร อย่าให้เข้าใจว่า กฎหมายออกมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปบังคับประชาชน ซึ่งต้องมีบทที่บังคับเจ้าหน้าที่บ้าง ก็จะทำให้เป็นกฎมายที่ประชาชนไว้วางใจ
"ผมถึงบอก ถ้าไม่เรียบร้อย ผมเขียนเองก็ได้ จะเขียนแบบที่ประชาชนต้องการ ผมไม่ได้เขียนแบบที่อยากเขียน ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมอ่านเอา และเอาความรู้สึกของประชาชนที่ต้องการอะไรมาเขียน แล้วจะดูว่า มันผ่าน หรือไม่ผ่าน หรือจะไม่มีผ่านมากกว่าเดิม มันอยู่ที่ใจของทุกคน หากใจทุกคนอยากจะทำ ก็ทำได้หมดในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ ที่ทำไม่ได้" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคำพูดดังกล่าวทำให้มีการตีความว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน นายกฯ จะเป็นคนร่างเอง ซึ่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พูดบนเวทีว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะร่างเองว่า "ผมพูดถึงว่า ถ้ามีปัญหามากนัก ทำนองนั้น ผมก็จะมาลองคิดดูว่า ผมควรจะทำเองหรือเปล่า บางทีผมก็พูดทำนองอย่างนี้ ผมถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่เป็นทางการ อย่ามาถือสาผม ผมก็พูดของผมให้มีอารมณ์ไปเรื่อย ถือเป็นหลักการพูด รู้จักกันบ้างหรือไม่ ซึ่งคำทางพระเรียกว่า เทศน์แบบคาบลูก คาบดอก"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่จับกุมนักศึกษา ที่ จ.ราชบุรี เกี่ยวโยงกับร่างรัฐธรรมนูญปลอมว่า ทราบว่าตำรวจจับในเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ที่ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าไม่ผิด ก็ปล่อย แต่ถ้าผิดก็ต้องดำเนินการ อย่ามาอ้างว่าเป็นนักศึกษาแล้วทำผิดได้หมด เข้าใจคำนี้ไหม ทุกคนถือกฎหมายอันเดียวกันหมด
ส่วนกรณีที่มีนักข่าวประชาไทถูกจับกุมด้วยนั้น นายกฯ กล่าวว่า ทุกหัวหนังสือ ถ้าผิดก็โดนหมด แล้วผิดหรือเปล่า ถ้าผิดก็โดนจับ หรือเขาละเว้นนักข่าวไว้ไม่ให้โดนจับ หนังสือพิมพ์ไม่ต้องรับผิดชอบ สปท. เสนอ พ.ร.บ.สื่อมาแล้ว รอดูก็แล้วกัน รับกันบ้าง ปฏิรูปกันบ้าง ไม่ใช่ดันคนอื่นปฏิรูป แต่สมาคมสื่อฯ ไม่ปฏิรูปตัวเอง เป็นบุคคลพิเศษ หรือยังไง
เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวล้มประชามติ มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ตรงนี้จะทำความจริงให้ปรากฏถึงต้นตอได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เขากำลังสาวอยู่ สื่อสาวสิ รู้ไหมว่าใคร เวลาสื่อได้ข้อมูล เขาเล่ามาเขียนเป็นตุเป็นตะ ก็มาบอกตนสิ เวลาใครบอกอะไร ก็เชื่อเขาหมด และเขียนให้หงุดหงิดทั้งวัน บ้านเมืองปั่นป่วน เพราะสื่อเชื่อเขา แต่ที่ตนพูดกลับไม่เชื่อ คสช.สืบหาคนบงการอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว โดยใช้กฎหมาย ดูความประพฤติ ปฏิบัติ เส้นทางการเงิน ซึ่งตนใช้หน่วยงานที่มีอยู่ทำตามปกติ ใครวุ่นวายมากก็สอบว่า เอาเงินทองมาจากไหน เกี่ยวพันใครก็โดนทั้งหมด ก็ขึ้นศาลกันไป
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็จะร่างเอง ว่า ก็เป็นอำนาจของท่านอยู่แล้ว แต่ประเด็นอยู่ว่า การร่างเอง จะทำด้วยวิธีไหน อย่างไร ตนเห็นว่าคงไม่มีประโยชน์ ถ้าจะตั้งในรูปแบบคณะกรรมการอีก แต่คิดว่าจะต้องเปิดให้ประชาชนร่วมออกความเห็น และรับฟังพวกเขาในรูปแบบไหนดีกว่า อย่าลืมว่าหลังจากการรัฐประหาร 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าท่านไปร่างเอง ก็หมายความว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน 2 ฉบับ ซึ่งก็ต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่าที่ไม่ผ่านเป็นเพราะอะไร การที่จะไปร่างรัฐธรรมนูญเอง โดยที่ไม่สรุปส่วนนี้ด้วย ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะแม้จะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ แต่การยอมรับก็จะไม่เกิด ส่วนการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค. เห็นว่าไม่ควรมีใครนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองให้กระทบกับคสช. หรือรัฐบาล เพราะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ได้นำตัวนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พร้อมนักข่าวรวม 5 คน ไปฝากขังศาลจังหวัดราชบุรี ฐานทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 วรรค 2 โดยกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดต่างพูดตลอดทางก่อนจะขึ้นรถว่า "โหวตโนเป็นสิทธิ ไม่ผิดกฎหมาย