ตราด - ชุดพญาเสือ กรมอุทยานฯ สนธิกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจค้นซีวิว รีสอร์ท บุกรุกที่อุทยานฯ ทนายความบอกมีคดีแล้วกับ ปปท. พบมีการบุกรุก 2 ครั้ง กว่า 30 ไร่
ที่ อ.เกาะช้าง จ.ตราด เมื่อเวลา 9.30 น. วันนี้ (15 มิ.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ทำหน้าที่หัวหน้าชุดพญาเสือ ศูนย์ฏิบัติการพิเศษ ผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติ และสัตว์ป่า ชุดปฏิบัติการพญาเสือ พร้อมด้วย นายวีระ ขุนไชนรักษ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกาะช้าง และอุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว อ.ขลุง จ.จันทบุรี ร่วมอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง และทหารนาวิกโยธินจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด รวมทั้งสิ้นกว่า 200 นาย
พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดเรศ ดรกัลยา รองผู้คับการตำรวจภูธร จ.ตราด พ.ต.อ.อาวัฒน์ พิบูลย์สวัสดิ์ ผกก.เกาะช้าง และพนักงานสอบสวน สนธิกำลังที่จุดชมวิวไก่แบ้ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด พร้อมชี้แจงเรื่องการเข้าทำการตรวจยึดพื้นที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติหมูเกาะช้าง ตามหมายศาลเลขที่ 26/2599 ออกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 ออกโดยศาล จ.ตราด เพื่อตรวจสอบพื้นที่ตั้งของโรงแรมที่มีการบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง
จากนั้น นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และนายวีระ ขุนไชยรักษ์ เดินเท้าเข้ามายังที่ตั้งโรงแรมซีวิว รีสอร์ท แอนด์ สปา เพื่อยื่นหมายค้นให้แก่เจ้าของโรงแรม คือ นายพิสูจน์ รัตน์วงษ์ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่โรงแรม
ทั้งนี้ มี นายกัมพล ดาราพงษ์ ทนายความที่ได้รับการมอบอำนาจจาก นายพิสูจน์ รัตนวงษ์ มาต้อนรับ และนำตรวจสอบพื้นที่ โดยเริ่มจากจุดที่ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งของประตูรั้วที่อยู่ตอนบน และพื้นที่ติดชายหาดที่มีพื้นที่ติดกับโรงแรมสยามเบย์ รีสอร์ท เป็นจุดที่ 2 เพื่อเทียบกับพิกัดว่ามีการบุกรุกจริงหรือไม่
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า พื้นที่ในเอกสารสิทธิของโรงแรมฯ มี น.ส.3 ก.จำนวน 42 ไร่ แต่มีการออกเอกสารสิทธิเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง จากเดิม 14 ไร่ มาเป็น 38 ไร่ และอีกครั้งมาเป็น 42 ไร่ ในปี 2545 และ 2558 ทำให้มีพื้นที่บุกรุกที่ดินของอุทยานฯเ กาะช้าง จึงต้องเข้าทำการตรวจยึด และดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก ซึ่งเป็นคนละคดีกับที่ ปปท.ดำเนินคดี เพราะการดำเนินคดีครั้งนั้นเป็นเรื่องการสนับสนุน แต่คดีนี้เป็นเรื่องของการบุกรุกที่ดินของอุทยานฯ ซีวิว เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เกาะช้าง 2 คนที่มารับรองการรังวัดครั้งนั้นได้ถูกออกจากราชการไปแล้ว จากผลการตรวจสอบในครั้งนี้ พบว่า มีการบุกรุกที่ดินจริงตามที่ได้มีการระบุในเอกสาร
จึงได้ทำการยึดพื้นที่ไว้ และแจ้งความดำเนินคดีต่อ นายพิสูจน์ รัตน์วงษ์ ในข้อหาบุกรุกที่ดินอุทยานฯ เกาะช้าง และจะนำป้ายมาติดประกาศไม่ให้ใช้พื้นที่ด้วย
“เนื่องจากเจ้าของที่ดินเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ทางอุทยานฯ ต้องดำเนินการให้เกิดความถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมา มีการร้องเรียนจากหลายหน่วยงาน และแม้จะเข้ามาตรวจสอบ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 2 คน ต้องถูกไล่ออกจากราชการเพราะเป็นลงนามรับรองแนวเขต น.ส.3 ก. ซึ่งที่ดินแปลงนี้ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ทางอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้มอบหมายให้มาดำเนินการอย่างไม่ละเว้น และเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ ทั้งนี้ ทางกรมอุทยานฯ จะไม่เลือกปฏิบัติต่อรายใดรายหนึ่ง ส่วนราย นายพิสูจน์ รัตน์วงษ์ ก็จะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างในวันนี้”
ทางด้าน นายกัมพล กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายพิสูจน์ รัตน์วงษ์ ถูกดำเนินคดีจาก ปปท.มาแล้ว แต่การที่ทางอุทยานฯ มาตรวจสอบการบุกรุกอีกครั้งจะเป็นการดำเนินคดีที่ซ้ำซ้อน ซึ่งตามคำสั่งของ คสช.มาตราที่ 66 ได้ระบุไว้ว่า ห้ามมีการดำเนินคดีที่ซ้ำซ้อน ดังนั้น จึงขอให้ทางกรมอุทยานฯ ได้ให้ความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา โดยควรจะยุบรวมคดีนี้ให้เหลือเพียงคดีเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ ตามมาตราที่ 6 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.อุทยานฯ ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า รัฐไม่สามารถนำที่ดินของเอกชนที่ครอบครองมาประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติได้หากเอกชนที่ครอบครองที่ดินได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ ทางอุทยานฯ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนี้ อย่างไรก็ตาม การที่ทางกรมอุทยานฯ ได้เดินทางมาตรวจสอบพื้นที่นั้นไม่ติดใจอะไร เพราะเป็นการทำหน้าที่ของส่วนราชการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่
อนึ่ง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้สั่งให้ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ดำเนินการติดป้ายห้ามใช้พื้นที่ที่ตรวจสอบแล้วว่า มีการบุกรุกแนวเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการสามารถยื่นร้องต่อศาลปกครองให้คุ้มครองฉุกเฉินได้