ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตั้งโต๊ะแจงกรณีนักอนุรักษ์โพสต์ว่อนโซเชียลมีเดีย ตั้งข้อสังเกตโครงการก่อสร้างที่ทำการศาลและบ้านพักรุกป่าดอยสุเทพ โชว์เอกสารหลักฐานยืนยันเป็นพื้นที่ราชพัสดุที่ทหารเคยใช้ประโยชน์และได้ขออนุญาตแล้วจากธนารักษ์ตั้งแต่ปี 2549 เนื้อที่กว่า 147 ไร่ ย้ำชัดไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ สร้างที่ทำการศาล พร้อมบ้านพัก 47 หลัง และอาคารชุด 13 หลัง งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณพื้นที่ก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักข้าราชการตุลาการลงในโซเชียลมีเดีย และมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ที่อยู่เชิงดอยสุเทพและใกล้กับเขตอุทยานสุเทพ-ปุย ว่ารุกล้ำทำลายพื้นที่ป่าและเหมาะสมหรือไม่นั้น
วันนี้ (9 มิ.ย. 59) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ภาพถ่ายตามที่มีการเผยแพร่นั้น เป็นพื้นที่บริเวณงานก่อสร้างอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 5 และที่พักของข้าราชการตุลาการ, ข้าราชการศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ศาลอุทธรณ์ภาค 5, สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5, ศาลแรงงานภาค 5, ศาลจังหวัดเชียงใหม่, ศาลแขวงเชียงใหม่ และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างดังกล่าวสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 ย้ายที่ทำการจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งได้ขอใช้พื้นที่อาคารร่วมกับศาลแขวงเชียงใหม่ และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกศาลเด็กในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำให้สถานที่คับแคบเนื่องจากมีปริมาณคดีและประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการเป็นจำนวนมาก ประกอบกับศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีที่พักเพียงพอสำหรับข้าราชการ จึงได้ขอใช้ที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 33 เนื้อที่ 147 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา ในตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และได้รับอนุญาตตั้งแต่ปี 2549 เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาล พร้อมบ้านพัก 47 หลัง และอาคารชุด 13 หลัง งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งได้รับงบประมาณเมื่อปี 2556 และเริ่มดำเนินการเมื่อปี 2557 มีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ในปีหน้า
ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ย้ำว่า พื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่เป็นที่ราชพัสดุที่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่แล้ว ขณะที่การดำเนินการก่อสร้างได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มีผลกระทบต่อสภาพพื้นที่เดิมน้อยที่สุด พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตมีลักษณะเป็นแนวยาวจากถนนเลียบคลองชลประทานลึกเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กับหมู่บ้านสวัสดิการทหารบก โดยได้เว้นพื้นที่ 58 ไร่ จากจุดสูงสุดของพื้นที่ที่รับอนุญาตไว้ด้วยการไม่ก่อสิ่งปลูกสร้างใดๆ เพื่อคงสภาพพื้นที่ที่มีต้นไม้อยู่เดิมให้มากที่สุด และบางส่วนมีการขุดย้ายนำไปดูแลเพื่อพร้อมนำกลับมาปลูก
นอกจากนี้ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 ระบุว่า การชี้แจงครั้งนี้เพื่อต้องการให้สังคมได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวข้อเท็จจริงทั้งหมดและเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและมีการเผยแพร่ข้อมูลที่พาดพิงบิดเบือนจากความเป็นจริงขยายสู่วงกว้างต่อไป ทั้งนี้ทางศาลไม่มีความประสงค์ที่จะดำเนินการใดๆ กับผู้ที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว หากยังคงมีการเผยแพร่ข้อมูลที่พาดพิงบิดเบือนอีกก็อาจจะต้องมีการพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป