ศูนย์ข่าวศรีราชา - อดีต ส.ว.ชลบุรี แนะผู้ประกอบการห้องพักเมืองศรีราชา ต้องเร่งหาผู้เข้าพักรายใหม่เข้าเสริมตลาดที่พักที่กำลังเกินความต้องการอยู่กว่าหมื่นห้อง จากการแห่ขยายลงทุนของทั้งทุนส่วนกลาง และต่างชาติ เพื่อรองรับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาในพื้นที่ แต่สุดท้ายเจอพิษเศรษฐกิจจนหนีไม่พ้นต้องหั่นราคาเพื่อความอยู่รอด เผยผู้ประกอบการต้องร่วมใจสร้างจุดขายให้เมืองศรีราชาเป็นเมืองศิวิไลซ์ และร่วมใจตกแต่งอาคารให้มีความสวยงาม เช่น เมืองเซี่ยงไฮ้ จึงจะดึงตลาดผู้เข้าพักต่างชาติที่ทำงานในนิคมฯ อมตะนคร ให้ย้ายที่พัก นำจาก กทม.สู่เมืองศรีราชาได้
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครืออาร์ซีเค กรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตรถพ่วง รถเทรลเลอร์ และตัวถังบรรทุกรายใหญ่ของประเทศ รวมทั้งยังเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก เผยถึงปัญหาจำนวนห้องพักที่กำลังล้นตลาดในเขตเมืองศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของจังหวัดจากการเข้ามาอยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นจำนวนมากจนทำให้เกิดการขยายการลงทุนของทั้งทุนส่วนกลาง และต่างชาติ จนทำให้เกิดปัญหาจำนวนห้องพักล้านตลาด ว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นไปตามกลไกทางการตลาด โดยเชื่อว่า เมืองศรีราชา ยังมีจุดขายที่ดีที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุน และผู้เข้าพักหน้าใหม่ให้เข้ามาในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง
“เมืองศรีราชา คือ เมืองแห่งความมหัศจรรย์ ที่มีเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย เพราะในอดีตไม่เคยมีใครคิดว่า เมืองศรีราชา จะเป็นที่รวมของสถานศึกษา โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล และศูนย์กลางธุรกิจระดับ 4-5 ดาว จากการเกิดขึ้นของท่าเรือแหลมฉบัง ที่ดึงดูดการลงทุนภาคอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่นให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ จนทำให้เกิดการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องมากมาย ซึ่งในฐานะผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงเศรษฐกิจมานาน พบว่า แม้การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยว และเมืองเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศจะพากันหยุดชะงักไปหมดจากผลพวงทางเศรษฐกิจ แต่เมืองศรีราชา กลับมีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง จนก้าวสู่การเป็นเมืองที่มีการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์สูงในระดับประเทศ จึงเชื่อว่า เศรษฐกิจของเมืองศรีราชา อีก 3-5 ปี จะยังเติบโต”
แต่เพราะการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน จึงทำให้จำนวนห้องพักมีมากเกินจำนวนของผู้อยู่อาศัย ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องหาแนวทางดึงดูดผู้ใช้บริการหน้าใหม่ให้เข้ามาในอยู่พื้นที่ เช่น ดึงกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ที่ยังคงใช้ห้องพักย่านทองหล่อ และย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ เป็นที่อยู่อาศัย ให้เข้ามาเสริมตลาดการเข้าพักของเมืองศรีราชา ด้วยการทำเมืองแห่งนี้ให้เป็นเมืองน่าอยู่ยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเป็นศูนย์กลางการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก
โดย นายสุรชัย เผยว่า ที่ผ่านมาได้เคยเสนอต่อผู้บริหารทั้งในระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่นว่า นับจากนี้ไปผู้ประกอบการตึกสูงในเมืองศรีราชา จะต้องร่วมกันสร้างจุดขายด้านความสวยงามในยามค่ำคืน ด้วยการประดับไฟในอาคารสูงที่จะทำให้เมืองศรีราชามีความศิวิไลซ์ ไม่ต่างจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ของประเทศจีน เพราะเมืองศรีราชา มีข้อได้เปรียบเรื่องจุดชมวิวที่มีความสวยงามมากมาย และในอนาคตสะพานท่าเทียบเรือเกาะลอย ก็จะได้รับการพัฒนา ซึ่งหากแล้วเสร็จก็จะกลายเป็นจุดขายที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองความสวยงามของเมืองศรีราชายามค่ำคืนจากท้องทะเลเข้ามายังฝั่งได้ แต่เมืองศรีราชาก็จะต้องเร่งพัฒนาพื้นที่สีเขียวเพื่อเป็นปอดของประชาชนให้มากขึ้นด้วย
“และผู้ที่มีบทบาทในการพัฒนาจะต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เช่นเดียวกับการพัฒนาถนนหนทางที่แคบให้สามารถสัญจรได้อย่างปลอดภัย เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก รวมทั้งต้องเพิ่มแสงสว่าง และความสะอาดของเมืองให้มากขึ้น หลังปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของชาวไทย และต่างชาติได้รับการดูแลจาก สภ.ศรีราชา เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่เทศบาลเมืองศรีราชา จะต้องให้ความสำคัญเพราะเมื่อมีนักลงทุนเข้ามาก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเมืองศรีราชาแล้ว แต่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในหลายรูปแบบล้วนมาจากความขัดแย้งทางการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ จนทำให้เมืองศรีราชาในวันนี้ยังไม่สามารถกระจายความเจริญไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงได้”
นายสุรชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า แม้ในวันนี้เมืองศรีราชา จะประสบปัญหาจำนวนห้องพักที่ล้นตลาด แต่กลุ่มอาร์ซีเค ก็ยังมั่นใจว่า เมืองศรีราชา ยังคงเป็นสนามการค้าที่ดี จึงเตรียมทุ่มงบประมาณอีกกว่าพันล้านบาทขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย