“มหานคร” เป็นคำที่ใช้เรียกนครขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศหรือภูมิภาค ซึ่งหนึ่งในเมืองที่เป็นมหานครของโลก และมีชื่อคุ้นหูกันดี นั่นคือ “มหานครปารีส”
“Paris” (ปารีส) นั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ทางตอนเหนือของประเทศ หลายๆ คนรู้จักกันดีว่าปารีสเป็นเมืองหลวงของแฟชั่น แต่นอกจากแฟชั่นแล้ว ที่นี่ก็ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ความสวยงามของสถาปัตยกรรม รวมไปถึงการเพลิดเพลินกับแหล่งชอปปิ้งต่างๆ นั่นทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนปารีสสักครั้ง
อันที่จริงแล้ว การท่องเที่ยวตามสถานที่หลักๆ ในใจกลางกรุงปารีสนั้น แทบจะไม่ต้องใช้ขนส่งมวลชนใดๆ เลย เพียงแค่ออกก้าวเดินไปเรื่อยๆ เลาะเลียบไปตามสองฝั่งของแม่น้ำแซน (Seine) ก็จะได้สัมผัสกับปารีสอย่างเต็มอิ่ม
จุดแรกในการเที่ยวปารีสนั้น “ตะลอนเที่ยว” มาเริ่มต้นที่ “มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส” (Cathédrale Notre-Dame de Paris) ที่นี่ว่ากันว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดตามลักษณะสถาปัตยกรรมกอทิกแบบฝรั่งเศส โดยโบสถ์แห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1163 มาแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1345 และมีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ภายหลังเหตุการณ์ปฏวัติฝรั่งเศส
ความสวยงามของมหาวิหารแห่งนี้ เริ่มจากภายนอกที่ดูโอ่อ่า ลานด้านหน้ามหาวิหารนั้นมีจุดสำคัญหนึ่งจุดก็คือ “Point Zero” หรือกิโลเมตรที่ 0 สำหรับเป็นจุดเริ่มต้นการวัดระยะทางสู่กรุงปารีส หรือบางคนอาจจะเรียกว่าจุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางของกรุงปารีส แถมยังมีความเชื่อว่าหากได้เหยียบตรงจุดนี้แล้วก็จะได้กลับมาเยือนปารีสอีกครั้ง
ด้านหน้าของมหาวิหารมีประตูใหญ่อยู่สามประตู ที่เหนือประตูก็จะมีการแกะสลักเรื่องราวของแต่ละประตู ส่วนภายในมหาวิหารดูขรึมขลัง แต่ก็งดงามด้วยกระจกสีที่ติดประดับอยู่โดยรอบ หากเข้าไปด้านในแล้วก็ควรชมด้วยความสงบ เพราะที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ด้วย
เดินเล่นออกมาจากมหาวิหารน็อทร์-ดาม ก็จะพบกับ “วิหารแซงต์-ชาแปล” (La Sainte-Chapelle) ซึ่งเป็นโบสถ์ของนิกายโรมันคาทอลิก และเป็นสิ่งก่อสร้างที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดของสถาปัตยกรรมแรยอน็อง ซึ่งเป็นสมัยหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบกอทิก
จากนั้นเดินเลาะริมแม่น้ำแซนมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึง “พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์” (Musée du Louvre) นักท่องเที่ยวไม่น้อยเลยที่ตั้งใจมาชมที่นี่ เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และด้วยขนาดพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดแสดงผลงานมากมาย จึงว่ากันว่า หากต้องการชมผลงานทุกชิ้น อาจจะต้องใช้เวลาราว 1 สัปดาห์เลยทีเดียว
อาคารของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลก และหากใครมาถึงแล้วก็ต้องมุ่งหน้ามาถ่ายรูปกับ “พีระมิดแก้ว” ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งใช้เป็นทางเข้าหลัก
ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์บริเวณชั้นใต้ดินนั้นก็มี “พีระมิดหัวกลับ” เป็นอีกจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากใครที่ชื่นชอบผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Da Vinci Code อาจจะจำได้ว่าฉากจบพระเอกไปนั่งคุกเข่าทำความเคารพอยู่ตรงพีระมิดหัวกลับจุดนี้นี่เอง
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แบ่งออกเป็น 3 ปีก ได้แก่ Richelieu อยู่ทางทิศเหนือ Sully เป็นอาคารสี่เหลี่ยมทางทิศตะวันออก และ Denon อยู่ทิศใต้ขนานกับแม่น้ำแซน โดยทุกปีกจะมี 4 ชั้น และมีการจัดแสดงศิลปะแบ่งตามประเภทและยุคสมัย อาทิ ยุคกรีก ยุคอียิปต์โบราณ
แต่ใครที่มาเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ถือแผนผังของพิพิธภัณฑ์ติดมือมาด้วย เพราะในแผนผังนอกจากจะบอกชื่อห้อง และยุคสมัยที่จัดแสดงอยู่แล้ว ก็ยังบอกไฮไลต์ของแต่ละยุคสมัยให้เดินเลือกชมกันด้วย
ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดก็คือ “โมนาลิซ่า” ภาพวาดสีน้ำมันอันโด่งดัง ฝีมือของลีโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งเป็นภาพสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ผู้คนมากมายเบียดเสียดกันเข้ามาชมความงามอันเป็นปริศนานี้ โมนาลิซ่าจึงถูกเก็บรักษาอย่างดีภายในตู้กระจกปรับอากาศกันกระสุน ตัวจริงของภาพโมนาลิซ่านั้นไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับที่จินตนาการ แต่ผู้คนก็ให้ความสนใจเธอกันเป็นจำนวนมาก
ชมของสวยๆ งามๆ ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กันแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นรับลมด้านนอกกันบ้าง ข้ามถนนด้านหน้าพีระมิดหน้าพิพิธภัณฑ์ก็จะเจอกับ “ประตูชัยเล็ก” หรือ “ประตูชัยแห่งการูแซล” (Arc de triomphe du Carrousel) ที่สร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารที่เข้าร่วมรบในระหว่างสงครามนโปเลียน โดยสร้างขึ้นช่วงเดียวกันกับประตูชัยแห่งฝรั่งเศสแต่แล้วเสร็จก่อน
ถัดจากประตูชัยคาร์รูเซล ก็เป็นสวนที่ชื่อว่า “สวนตุยเลอรี่” (Tuileries Garden) ซึ่งเดิมเคยเป็นสวนในพระราชวังตุยเลอรี่ ถัดต่อจากสวนตุยเลอรี่ก็เป็นลานคองคอร์ดซึ่งมีเสาโอบิลิสตั้งอยู่กลางลาน จากนั้นก็เดินตรงเข้าสู่ “ถนนชองป์เซลิเซ” (Avenue des Champs-Élysées)
ชองป์เซลิเซ เป็นถนนชอปปิ้งชื่อดังระดับโลก ที่นี่มีทั้งโรงละคร คาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านค้าแบรนด์ดัง ใครที่มาถึงปารีสแล้ว ก็ต้องแวะมาเดินที่ถนนแห่งนี้ ถึงจะไม่ได้มาชอปปิ้ง แต่ได้มาเดินเล่นดูตึกสวยๆ กับบรรยากาศคาเฟ่ริมทางก็เพลินใจมากแล้ว
หากเดินไปจนสุดถนน ก็จะเป็น “จัตุรัสชาร์ลส เดอ โกล” (Place Charles de Gaulle) อันเป็นที่ตั้งของ “ประตูชัยฝรั่งเศส” (Arc de triomphe de l'Étoile) ซึ่งบริเวณจัตุรัสแห่งนี้ เป็นจุดรวมที่ถนน 12 สายมาบรรจบกัน ทำให้จัตุรัสมีรูปร่างคล้ายดวงดาว และเป็นที่มาของชื่อดั้งเดิมของจัตุรัสว่า จัตุรัสแห่งดวงดาว
สำหรับประตูชัยฝรั่งเศสนั้นสร้างขึ้นเพื่อสดุดีทหารที่เข้าร่วมรบเพื่อฝรั่งเศส โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย ซึ่งด้านบนของประตูชัยนั้นสามารถเดินขึ้นบันไดวนไปชมด้านบนได้ โดยด้านบนนั้นสามารถมองเห็นกรุงปารีสได้โดยรอบ
ส่วนที่ใต้ประตูชัยนั้น มีสุสานของทหารนิรนาม หรือเรียกว่า “Tomb of the Unknown Soldier” ตั้งอยู่ ณ ใจกลางประตูชัย คือ เปลวไฟที่ไม่เคยมอดดับบนหลุมฝังศพเหล่าทหารนิรนาม ซึ่งเป็นเหยื่อในสงครามโลกครั้งที่ 1 และในทุกวันอาทิตย์จะมีการสวนสนาม นำพวงมาลามาวางที่นี่อีกด้วย
อีกสถานที่หนึ่งในปารีสที่หากไม่ได้แวะไปก็เหมือนกับมาไม่ถึงปารีส นั่นคือ “หอไอเฟล” (Tour Eiffel) หอคอยโครงสร้างเหล็กอันเป็นสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีสที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี
หอไอเฟลออกแบบโดย กุสตาฟ ไอเฟล สถาปนิกและวิศวกรชั้นนำของฝรั่งเศส มีความสูง 300 เมตร หรือตึกสูงประมาณ 75 ชั้น ซึ่งการชมหอไอเฟลนั้นสามารถชมได้หลายมุม ทั้งจากสวนชองป์ เดอ มาร์ส หรือเดินเล่นริมแม่น้ำแซนแล้วชมหอไอเฟลจากมุมไกล
ด้านบนหอไอเฟลนั้นสามารถขึ้นไปชมได้ โดยซื้อบัตรผ่านเดินขึ้นบันไดไป หรือจะซื้อบัตรขึ้นลิฟต์ไปก็ได้ ด้านบนนั้นมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก มีระเบียงให้เดินออกไปชมวิวรอบๆ เมือง ส่วนในยามค่ำคืนนั้น หอไอเฟลจะเปิดไฟให้ชมอย่างสวยงาม และจะมีบางช่วงที่เปิดไฟกะพริบระยิบระยับทั่วหอไอเฟล ซึ่งเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่น่ามารอชม
เมืองใหญ่อย่างกรุงปารีสนั้นมีสิ่งสวยๆ งามๆ ให้ชมมากมาย ที่ “ตะลอนเที่ยว” ได้แวะเข้าไปสัมผัสนั้นเป็นเพียงหนึ่งในไฮไลต์ของการชมเมืองปารีส ถ้าใครมีเวลาอยู่ที่นี่หลายวัน ลองเดินเล่นไปเรื่อยๆ แวะชมตึกสวยๆ ริมถนน ลองชิมอาหารพื้นเมืองของชาวฝรั่งเศส จะได้ลองสัมผัสวิถีชีวิตของชาวปารีเซียงแท้ๆ ว่ามีเสน่ห์อย่างไร
* * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com