xs
xsm
sm
md
lg

ซินจ่าว “โฮจิมินห์” ตะลุยถิ่นลุงโฮ สัมผัสเสน่ห์สถาปัตยกรรมเก่าสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ศาลาว่าการนครโฮจิมินห์ ตัวอาคารสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส
เวลาที่ “ตะลอนเที่ยว” มีโปรแกรมจะเดินทางไปยังต่างประเทศที่ไหนสักแห่ง สิ่งหนึ่งที่เรามักจะทำอยู่เสมอก่อนออกเดินทาง คือการศึกษาหาคำกล่าวว่า “สวัสดี” ของประเทศนั้นๆ ว่าพูดอย่างไร และทริปนี้เราก็ได้เตรียมคำกล่าวสวัสดีว่า “ซินจ่าว” ซึ่งเป็นภาษาเวียดนาม เพื่อไปทักทายนครโฮจิมินห์ที่เราจะไปเยือน โดยบินตรงจากดอนเมืองประเทศไทย มาแบบสะดวกสบายกับสายการบินนกแอร์ ที่มีเที่ยวบินมาที่นครโฮจิมินห์ทุกวัน

“นครโฮจิมินห์” แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวของเวียดนาม ที่คนไทยนิยมมาเที่ยวกันไม่น้อย จากอดีตเมืองสงครามที่มีชื่อว่า "ไซ่ง่อน" เป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "นครโฮจิมินห์" หรือ "โฮจิมินห์ซิตี้" เพื่อเป็นเกียรติให้กับลุงโฮ หรือ โฮจิมินห์ วีรบุรุษคนสำคัญของเวียดนามที่เป็นผู้ประกาศอิสรภาพให้กับประเทศเวียดนามจากสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส และรวมประเทศเป็นหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1976
ภายใน “พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์”  จัดแสดงชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์
หลังจากผ่านสงครามมาได้ โฮจิมินห์ก็พัฒนาในหลายๆ ด้าน มีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานความทันสมัยเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ดึงดูดให้เราเลือกที่จะมาเที่ยวโฮจิมินห์ในครั้งนี้ มาเที่ยวเพื่อสัมผัสกับประวัติศาสตร์ลุงโฮ และเมืองโฮจิมินห์กับการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียล ที่ครั้งหนึ่งชาวฝรั่งเศสเคยอยู่อาศัยเมื่อครั้งที่เวียดนามตกเป็นเมืองอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส

ว่าแล้วก็ไม่รอช้า ขอเปิดฉากเที่ยวด้วยการไปรู้จักลุงโฮกันก่อนที่ “พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์” (Ho Chi Minh Museum) หรือ “บ้านมังกร” ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไซ่ง่อน และแม่น้ำเบนเหง่ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1863 มาเที่ยวที่นี่จะได้รู้จักชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าลุงโฮ เป็นบุคคลที่ชาวเวียดนามยกย่องให้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประกาศอิสรภาพต่อชาติตะวันตกของเวียดนาม ซึ่งด้านในแบ่งออกเป็นหลายห้อง และจัดแสดงเรื่อราวต่างๆ ตั้งแต่ประวัติชีวิต การต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพกับชาติตะวันตก และต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของคนในชาติ จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ และข้าวของเครื่องใช้ของลุงโฮเมื่ออดีตไว้เป็นหมวดหมู่อย่างน่าสนใจ ทำให้ได้รู้จักลุงโฮมากขึ้นจริงๆ ว่าท่านเก่งกาจและน่ายกย่องเพียงใด
ความสวยงามของ โบสถ์นอร์ทเธอดาม ด้านหน้ามีรูปปั้นพระแม่มารี
หลังจากได้รู้จักลุงโฮแล้ว เราไปสัมผัสเมืองโฮจิมินห์กันต่อ มายังโบสถ์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นั่นคือ “โบสถ์นอร์ทเธอดาม” (Notre Dame Cathedral) ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองโฮจิมินห์ โดดเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกลถึงความสวยงาม ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1877 โดยได้จำลองการสร้างมาจากโบสถ์นอร์เธอดามในฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี สมัยที่ฝรั่งเศสยังเป็นจ้าวอาณานิคมอยู่
ด้านในโบสถ์นอร์ทเธอดาม มีภาพกระจกสีที่สวยงาม
โบสถ์ดูแข็งแกร่งสวยงามด้วยโครงสร้างอิฐสีแดงอันมั่งคง เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบ NEO-ROMAN มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านหน้าสูง 40 เมตร อันเป็นเอกลักษณ์ เข้าไปด้านในเห็นถึงความโอ่โถง และมีภาพกระจกสีประดับอยู่แต่ไม่มาก เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็มีความงดงามชวนชม ส่วนด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นพระแม่มารีขนาดใหญ่สีขาวตั้งเด่นเป็นสง่า ซึ่งชาวเวียดนามนิยมมาถ่ายภาพและแต่งงานกันที่โบสถ์แห่งนี้ โดยมีความเชื่อว่า บ่าวสาวคู่ใดที่ได้มาแต่งงานที่นี่แล้วจะมีความรักที่ยืนยาวไม่มีวันพรากจากกัน
ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ออกจากโบสถ์แค่เดินข้ามถนนมาก็จะเจอ “ไปรษณีย์กลางแห่งนครโฮจิมินห์” (General Post Office) เป็นอาคารสีเหลืองสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลอันงดงาม เป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สร้างขึ้นปี ค.ศ.1896 สถาปัตยกรรมแบบกอธิกผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกและตะวันออก ด้านในตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี
ด้านในไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ยังคงให้บริการส่งจดหมายตามปกติ
ภายในมีความโอ่งโถงสวยงาม มีการประดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์อยู่ตรงกลาง ทุกวันนี้กรมไปรษณีย์กลางแห่งนี้ ยังเปิดให้บริการทั้งส่งจดหมาย ขายแสตมป์ โปสการ์ดเพื่อการสะสมหรือจะส่งไปหาคนที่บ้านก็ได้ หรือหากต้องการโทรศัพท์ที่นี่ก็มีบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศให้บริการ และยังมีของที่ระลึกขายด้วย
“โรงละครโอเปร่า” อาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียลที่งดงาม
เราแค่เดินเที่ยวชมและถ่ายรูปภายในไปรษณีย์กลางอย่างเดียว เพราะว่าต้องไปเที่ยวที่ต่อไป คือ “โรงละครโอเปร่า” (Saigon Opera House) เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียลที่งดงามมากแห่งหนึ่งในเวียดนาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1897 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ชื่อ Eugene Ferret เพื่อใช้สำหรับแสดงอุปรากรให้แก่ชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศสและชนชั้นสูงชาวเวียดนามที่สวามิภักดิ์แก่ประเทศฝรั่งเศส ในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเวียดนาม ต่อมาถูกใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งชาติเวียดนามใต้ และปัจจุบันก็ยังใช้เป็นสถานที่แสดงละครโอเปร่า หรือการแสดงต่างๆ อยู่ ถ้าใครชอบดูละครโอเปร่ามาที่นี่กันได้เลย
รูปปั้นโฮจิมินห์ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าศาลาว่าการนครโฮจิมินห์
ส่วนเราไม่ค่อยสันทัดการดูละครโอเปร่า ขอไปเที่ยวต่อดีกว่า มาเที่ยวกันที่ "ศาลาว่าการนครโฮจิมินห์" (Ho Chi Minh City Hall) หรือ “สภาประชาชน” (People’s Committee Building) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1902-1908 เพื่อใช้เป็นศาลาว่าการเมือง ต่อมาในปีค.ศ.1975 ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสภาประชาชน เป็นศาลาว่าการเมืองที่สวยที่สุดของนครโฮจิมินห์ ตัวอาคารสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ตรงกลางเป็นหอนาฬิกาขนาบข้างด้วยอาคาร 2 หลังที่สูงเด่น มีซุ้มประตู-หน้าต่างโค้งมนแซมด้วยเสากรีก และลวดลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงามมากๆ
“จัตุรัสโฮจิมินห์” มีลานน้ำพุที่สวยงาม
และที่ด้านหน้ามีสวนเล็กๆมีดอกบัวและดอกไม้สวยๆ พร้อมกับมีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี โฮจิมินห์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ให้ได้ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึก แล้วยังมีลานกว้างด้านหน้าที่เรียกว่า “จัตุรัสโฮจิมินห์” (Tran Nguyen Hai Statue) บริเวณนี้เป็นลานกว้าง และมีน้ำพุที่สวยงามให้ได้ชม ตรงนี้ถือเป็นว่าสัญลักษณ์ของนครโฮจิมินห์ที่ใช้เป็นจุดตั้งหลักและจุดนัดพบของผู้คน ซึ่งในตอนกลางคืนบริเวณลานน้ำพุในจัตุรัสแห่งนี้จะมีชาวเวียดนาม และชาวต่างชาติมานั่งพักผ่อนชมวิวกันทุกคืน เหมือนเป็นลานอเนกประสงค์ที่กว้างใหญ่ ให้ทุกคนได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน
“พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์” จัดแสดงเรื่องราวในอดีตของโฮจิมินห์
เรายังเที่ยวกันต่อแบบไม่หยุด คราวนี้มารู้จักเมืองโฮจิมินห์ให้มากขึ้น โดยมาที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์” (Museum of Ho Chi Minh City) เป็นอาคารสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลสวยๆ สร้างขึ้นปี ค.ศ.1885-1890 เพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านการพาณิชย์ในการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และสินค้าของเวียดนามใต้ จากนั้นถูกใช้เป็นสถานที่พำนักของข้าหลวงใหญ่แห่งโคชินไชน่า ปัจจุบันจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องราวความเป็นมาของเมืองโฮจิมินห์ในอดีต เรื่องราวการต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากการปกครองของฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา มีอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของผู้คนท้องถิ่นให้ได้ชมกันแบบเต็มอิ่ม
การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ที่โรงละคร The Golden Dragon Water Puppet Show
หลังจากนั้นเราสลับอารมณ์ไปผ่อนคลายกับการนั่งชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำที่ลือชื่อของเวียดนาม ซึ่งเป็นการเสดงศิลปะประจำชาติอันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเวียดนาม ที่ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่คณะแล้ว โดยเรามาชมที่ “โรงละคร The Golden Dragon Water Puppet Show” ภายในโรงละครมีที่นั่งเหมือนโรงหนังเล็กๆมีเวทีการแสดงหุ่นกระบอกน้ำอยู่เบื้องหน้า ตรงกลางเวทีมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ใช้สำหรับการแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ด้านหน้าฉากถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ส่วนผู้ชักหุ่นกระบอกจะยืนแช่น้ำครึ่งตัวอยู่ด้านหลังฉาก และมีวงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงประกอบการแสดงเพิ่มอรรถรสให้กับการชม เนื้อหาของการแสดงจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวเวียดนาม ถ่ายทอดผ่านหุ่นกระบอกสวยๆ ที่ถูกเชิดได้อย่างน่าทึ่ง ดูแล้วสนุกสนานเพลิดเพลินดีไม่น้อย
“พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์” อาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียล
ดูการแสดงหุ่นจบแล้ว ออกเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่ “พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์” (Fine Arts Museum) เป็นอีกหนึ่งอาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียลที่เปิดให้เข้าชม เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นตึกที่หรูหราที่สุดในโฮจิมินห์ ในช่วงยุคสมัยของการตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส
ภายในพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ จัดแสดงผลงานศิลปะมากมาย
ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ จัดแสดงโบราณวัตถุยุคอาณาจักรจามปา แล้วยังมีอาคารจัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ มีภาพเขียน ภาพวาด และประติมากรรมสมัยใหม่ ให้ได้เสพศิลป์กันแบบเต็มที่
“ตลาดเบนถั่น” แหล่งชอปปิ้งชื่อดัง มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ
ชมงานศิลป์และตึกสวยๆ จนเต็มอิ่มแล้ว “ตะลอนเที่ยว” ขอปิดทริปด้วยการชอปปิ้งละลายทรัพย์กันที่ “ตลาดเบนถั่น” (Ben Thanh) เป็นแหล่งชอปปิ้งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของโฮจิมินห์ ตลาดแห่งนี้สร้างโดยชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1870 ตัวอาคารมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมทั้งหมด 4 ด้าน แต่ละด้านมีนาฬิกาอยู่ด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของตลาดนี้
ภายในตลาดเบนถั่นยังมีร้านขายอาหารให้ได้เลือกลิ้มลอง
ด้านในตลาดกว้างใหญ่ คลาคล่ำไปด้วยร้านค้ามากมาย พ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาวางขายมากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หมวกเวียดนาม ผ้าปักลายสวยๆ ไม้แกะสลัก นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า กาแฟ ของที่ระลึกมากมาย อาหารสด อาหารแห้ง ดอกไม้ อีกทั้งยังมีร้านขายอาหารท้องถิ่นเวียดนามให้ได้ลองลิ้มกันด้วย เรียกว่ามาที่ตลาดแห่งนี้แล้วเป็นต้องได้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนทางบ้านมากมาย เป็นการปิดฉากทริปเที่ยวโฮจิมินห์ที่สวยงาม ได้กระจายรายได้ ละลายทรัพย์ในกระเป๋า บินกลับเมืองไทยด้วยความสุขใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 

สายการบินนกแอร์ มีเที่ยวบินตรงจากสนามบินดอนเมือง ไปโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ให้บริการบินทุกวัน วันละ 2 เที่ยวบิน สามารถสำรองที่นั่งได้ผ่านเว็บไซต์ www.nokair.com หรือ Call Center โทร.1318 ที่เคาน์เตอร์สนามบิน หรือตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารของนกแอร์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

 

กำลังโหลดความคิดเห็น