ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กำชับดูแลช่วยเหลือใกล้ชิดทั้ง 18 อำเภอ ที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยไปแล้ว และจับตาเฝ้าระวังไม่ห่างอีก 7 อำเภอที่เหลือ ส่วนปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนหลักแม้ลดน้อย แต่มั่นใจชลประทานบริหารเข้มงวดเป็นระบบช่วยฝ่าพ้นวิกฤต
วันนี้ (23 เม.ย.) นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยติดตามการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำปิง พร้อมประชุมหารือร่วมกับ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ประตูระบายน้ำป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นได้ลงพื้นที่อำเภอสารภี อำเภอสันทราย และอำเภอหางดง เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และการให้ความช่วยเหลือ
ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่รุนแรง และส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก โดยสั่งการให้มีการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากประสบปัญหาให้เร่งให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับจังหวัดเชียงใหม่นั้น จากข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นพบว่า มี 18 อำเภอ ที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งไปแล้ว และอีก 7 อำเภอ ที่ต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง ซึ่งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงานแล้ว
ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ล่าสุด เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีปริมาณน้ำทั้งสิ้นประมาณ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร ขอความจุอ่าง 265 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ปริมาณน้ำทั้งสิ้นประมาณ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร ของความจุอ่าง 263 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบเข้มงวดของชลประทานเชียงใหม่ เบื้องต้น ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ไปได้
ขณะที่กรณีความขัดแย้งของผู้ใช้น้ำในพื้นที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน จากกรณีที่เกษตรกรอำเภอดอยหล่อ ทำการขุดท่าทรายเก่าเพื่อทำการสูบน้ำที่ขังอยู่นำไปรดสวนมะม่วงที่กำลังอยู่ในช่วงใกล้เก็บผลผลิตไม่ให้ได้รับความเสียหาย แต่ทำให้ทางเกษตรกร และชาวบ้านอำเภอป่าซาง เกิดความไม่พอใจ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ระดับน้ำใต้ดินในพื้นที่อำเภอป่าซาง ที่อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำปิงลดลงจนเกิดความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้นั้น นางสุดารัตน์ กล่าวว่า เวลานี้ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัดแล้ว
ซึ่งได้มีการสั่งการ และจะมีการพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกันในระดับพื้นที่ โดยนายอำเภอทั้ง 2 อำเภอ กับเกษตรกร ในวันนี้ (23 เม.ย.) ซึ่งหากทางอำเภอป่าซาง หวั่นเกรงว่าจะได้รับผลกระทบทำให้ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ก็อาจแก้ไขปัญหาให้โดยการที่หน่วยงานเกี่ยวข้องมีการจัดรถบรรทุกน้ำไปช่วยเหลือ เชื่อว่าน่าจะได้ข้อยุติเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย