xs
xsm
sm
md
lg

อึ้งหนักมาก! น้ำกวงแห้งขอด-ดินแตกระแหง น้ำก้นเขื่อนทำประปาลำพูนขุ่นคลั่ก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลำพูน - ภัยแล้งลามไม่หยุด ล่าสุดลำน้ำกวง หนึ่งในแม่น้ำสายหลักของลำพูนแห้งขอดตลอดสาย ดินท้องน้ำถึงขั้นแตกระแหงแล้ว ขณะที่ “เขื่อนแม่กวง” ต้องปล่อยน้ำก้นเขื่อน ทำประปาลำพูนขุ่นคลั่ก ชาวบ้านชาวช่องใช้ซักผ้าไม่ได้ ด้านชาวสวนกะหล่ำเมืองลี้ช้ำหนัก กะหล่ำปลีเริ่มแห้งตาย

วันนี้ (17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพแม่น้ำกวง หนึ่งในแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านจังหวัดลำพูน ขณะนี้แห้งขอดแทบตลอดสาย ดินท้องน้ำถึงขั้นแตกระแหง สามารถลงไปเดินเล่นได้ ทำให้ชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำกวงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

โดยเฉพาะน้ำทางการเกษตร ชาวสวนลำไยและเกษตรกรที่ปลูกผักชนิดต่างๆ ไม่สามารถนำน้ำในลำน้ำกวงมาใช้ได้แล้วเพราะแห้งหมด เกษตรกรต้องอาศัยน้ำจากบ่อน้ำบาดาล บางรายไม่มีบ่อน้ำบาดาลก็ต้องงดปลูกพืชผักไปโดยปริยาย ชาวบ้านต่างกล่าวขานกันว่าแล้งสุดในรอบ 20 ปี

สำหรับแม่น้ำกวงเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดลำพูน ต้นกำเนิดที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มีต้นน้ำอยู่ที่ดอยผีปันน้ำ หรือดอยนางแก้ว ดอยมด แล้วไหลผ่านจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านอำเภอบ้านธิ อำเภอเมืองลำพูน และสิ้นสุดที่อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน มีความยาว 95 กิโลเมตร มีลำน้ำสาขาหลายสายเส้นทั้งแม่น้ำธิ แม่น้ำสาร แม่น้ำตีบ และแม่น้ำทา

ขณะที่แม่น้ำปิง ที่ไหลผ่านจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการผลิตน้ำประปา ก็แห้งลงอย่างมาก ถึงขนาดเมื่อเดือนก่อนน้ำประปาได้หยุดไหลเป็นช่วงๆ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ใช้น้ำ ก่อนที่จะมีการสำรองน้ำไว้ในเวลาต่อมา แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และล่าสุดขณะนี้น้ำประปาในเขตพื้นที่จังหวัดลำพูนเริ่มมีสีแดง และขุ่นอีก จนไม่สามารถนำไปซักเสื้อผ้าได้

ด้านนายนภดล ปั้นรัตน์ ผู้จัดการสำนักงานประปาจังหวัดลำพูน กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำประปาขุ่นแดงเนื่องจากคุณภาพค่าแมกกานีสสูงเกินมาตรฐาน เพราะน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนแม่กวงมานั้นเป็นน้ำก้นเขื่อน ทำให้น้ำมีสีแดง และขุ่นจากแมงกานีส

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์จากการประปาเขต 9 ได้มาให้คำแนะนำว่าจะเติมสารคลอรีนในปริมาณใดที่เหมาะสม โดยไม่เป็นอันตรายและปลอดภัย คาดว่าใช้เวลาอีกไม่กี่วันน้ำใหม่ก็จะไล่น้ำเก่าออกไป ยืนยันว่าทางการประปาฯ กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา จึงกราบขออภัยประชาชนผู้ใช้น้ำประปาอีกครั้ง

ส่วนที่บ้านดงสักงาม หมู่ที่ 6 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกกะหล่ำปลีจำนวน 30 ราย ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกรวมกว่า 100 ไร่ ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีน้ำ ทำให้กะหล่ำปลีเริ่มเหี่ยวแห้ง และคาดว่าถ้าไม่มีน้ำในอีก 7 วันต่อจากนี้กะหล่ำปลีก็จะแห้งเหี่ยวตายกันแบบยกแปลงแน่

นายอเนก คำศิริ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ที่ 6 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน หนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกกะหล่ำปลี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปีก่อนๆ แม้ว่าจะแล้งแต่ก็ยังพอมีน้ำใส่สวน แต่มาปีนี้แล้งหนักมาก ทำให้พวกเราลำบากไม่มีน้ำรดสวนกะหล่ำที่ปลูกไว้ มีเพียงน้ำที่ฝายน้ำล้นห้วยดั้ง อยู่หมู่ที่ 6 ต.ป่าไผ่ ที่กั้นแม่น้ำลี้ไว้ ซึ่งห่างจากสวนกะหล่ำปลีของพวกตนประมาณ 2 กม. ซึ่งน้ำในฝายดังกล่าวแม้จะมีเหลือน้อยแต่ก็ยังพอมีบ้าง แต่วิธีการที่จะให้มีน้ำนั้นต้องใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบใส่ลำเหมืองเพื่อให้น้ำไหลมาตามคลอง ก่อนที่พวกตนจะใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กสูบขึ้นไปใส่กะหล่ำปลีอีกที

นายสุนัน ขุนเสนา อายุ 49 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.ป่าไผ่ กล่าวว่า พวกเราเกษตรกรชาวสวนกะหล่ำที่มีกว่า 30 ราย และปลูกกะหล่ำปลีกว่า 100 ไร่เศษ กำลังได้รับความเดือดร้อนเรื่องน้ำ อยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอร้องให้มาช่วยพวกเราด้วย สิ่งที่พวกเราต้องการคือเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่

“ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส อีกไม่กี่วันหากไม่มีน้ำพวกเราจะแย่ต้องขาดทุนย่อยยับแน่”













กำลังโหลดความคิดเห็น