พระนครศรีอยุธยา - จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดรับบริจาคเงินสมทบทุนค่ากระแสไฟฟ้า ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบก ของจังหวัด
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานทอดผ้าป่าสมทบทุนค่ากระแสไฟฟ้า ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อนำเงินชำระค่ากระแสไฟฟ้าคงค้าง พร้อมทั้งใช้ในการพัฒนาการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดให้มีความต่อเนื่อง
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยการติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และประดับไฟให้แก่ศาสนสถาน ทั้งวัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ และโบราณสถานต่างๆ รวมกว่า 80 แห่ง โดยได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2552-2555 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัด โดยได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าวังน้อย แต่เมื่อปลายปี 2554 กองทุนพัฒนาไฟฟ้าวังน้อย ได้จดทะเบียนตั้งเป็นกองทุน
วัตถุประสงค์ของการใช้งบประมาณจึงเปลี่ยนแปลงไป ทำให้จังหวัดไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณอีก จนทำให้มีไฟฟ้าค้างชำระสะสมกว่า 8 ล้านบาท และหลังจากนั้น ก็ได้ดำเนินการหางบมาชำระค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ล่าสุด คงเหลือค่าไฟฟ้าค้างชำระอยู่ 6.86 ล้านบาท ทั้งนี้ ทางคณะสงฆ์ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกันจัดพิธีทอดผ้าป่าเพื่อนำเงินมาสมทบทุนช่วยในการชำระค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระในส่วนที่เหลืออยู่ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนผู้ใจบุญ รวมถึงคณะสงฆ์จากวัดต่างๆ หลั่งไหลมาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ล่าสุด ได้ยอดเงินบริจาคในครั้งนี้แล้ว 1,739,129 บาท และจะยังรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมบริจาคเงินเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มอำนวยการสำนักงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลากลางจังหวัด ชั้น 2 โทร.0-3533-6554 ต่อ 22 หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชื่อบัญชี สมทบทุนค่ากระแสไฟฟ้าตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมายเลขบัญชี 984-2-7353-70 โดยเงินทุกบาททุกสตางค์จะนำมาชำระค่ากระแสไฟฟ้าคงค้างทั้งหมด
ทั้งนี้ การประดับไฟตกแต่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ของจังหวัด ที่ผ่านมา นับว่าเป็นสิ่งที่สร้างสีสัน ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวในจังหวัดได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดการสร้างรายได้หมุนเวียนให้แก่พี่น้องประชาชนได้ตลอดทั้งวัน
