xs
xsm
sm
md
lg

ศุลกากรฯ แหลมฉบังเปิดใช้ระบบเทคโนโลยี e-Lock ติดตามสินค้าและการปล่อยสินค้าล่วงหน้า (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิศักดิ์  ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  เป็นประธานในพิธีเปิด
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดการใช้งานระบบติดตามทางศุลกากร (Tracking System) ภายใต้เทคโนโลยี e-Lock และโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้า (Pre-arrival Processing System) เพื่อควบคุม และตรวจสอบสินค้าผ่านแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ต่อการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศให้ทันต่อโลกในยุคปัจจุบัน



วันนี้ (7 เม.ย.) ณ สถานีตรวจสอบตู้สินค้าที่ 2 ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานระบบติดตามทางศุลกากร (Tracking System) ภายใต้เทคโนโลยี e-Lock และเปิดโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้า (Pre-arrival Processing System) โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมงานครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน กรมศุลกากรได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีศุลกากรหลายประการเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า ให้การผ่านพิธีการศุลกากรเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว และยังคงไว้ซึ่งภารกิจในการปกป้องสังคมควบคู่กัน กรมศุลกากร ได้ดำเนินการจัดหาระบบติดตามทางศุลกากร (Tracking System) เพื่อช่วยให้การดำเนินงานควบคุม และตรวจสอบสินค้าผ่านแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้งานร่วมกับระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ด้วยเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การเปรียบเทียบภาพสินค้า และน้ำหนักสินค้าระหว่างท่าต้นทาง และท่าปลายทาง ทำได้โดยสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ประกอบกับการนำเทคโนโลยี RFID และ GPS ซึ่งทำงานร่วมกันเป็น “ระบบติดตามทางศุลกากร (Tracking System) ภายใต้เทคโนโลยี e-Lock”

โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถควบคุม ตรวจสอบ และเฝ้าติดตามการเคลื่อนย้ายของตู้สินค้าผ่านแดนได้ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ท่าต้นทางจนถึงท่าปลายทาง โดยในระยะแรก กรมศุลกากรจะนำระบบ e-Lock มาใช้กับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และด่านศุลกากร รวม 16 แห่ง ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นมาตรการทางศุลกากรที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยปกป้องสังคมให้ปลอดภัย

นายกุลิศ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้จัดทำโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้า (Pre-arrival Processing System) ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีปริมาณการนำเข้า-ส่งออก เป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของระบบลอจิสติกส์ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการอำนวยความสะดวกทางการค้า เป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน (Ease of Doing Business) สอดคล้องต่อความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Agreement on Trade Facilitation)

สำหรับรูปแบบ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการสายการเดินเรือส่งข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือล่วงหน้าก่อนเรือมาถึงไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือได้มีข้อมูลสำหรับเตรียมการจัดวางตู้คอนเทนเนอร์สินค้าล่วงหน้าก่อนเรือเทียบท่า ผู้นำของเข้าสามารถส่งข้อมูลใบขนสินค้า และปฏิบัติพิธีการศุลกากรล่วงหน้า ทำให้สามารถทำการตรวจปล่อยสินค้าได้ในทันทีที่สินค้ามาถึง

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบในการบริหารความเสี่ยงเพื่อพิจารณาปล่อยสินค้าได้ล่วงหน้า และรวดเร็วกว่าที่เคยปฏิบัติมา ทำให้สามารถลดระยะเวลาในการดำเนินงานในท่าเรือให้น้อยลง อันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาพรวมในการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของประเทศ

นายกุลิศ กล่าวว่า ในขั้นแรกกรมศุลกากรจัดให้มีโครงการนำร่องการปล่อยสินค้าล่วงหน้า ณ ท่าเทียบเรือ A3 ท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 18 เมษายน 2559 ระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน และหากประสบผลสำเร็จก็พร้อมขยายไปยังท่าเทียบเรือต่างๆ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม กรมศุลกากรจะมุ่งมั่นพัฒนาระบบงานศุลกากร โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาปรับใช้อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ และอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศให้ทันต่อโลกในยุคปัจจุบัน
หน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ร่วมเปิดงานครั้งนี้จำนวนมาก
ทดลองติดตั้งเทคโนโลยี e-Lock
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมถ่ายรูปเป็นสักขีพยาน
กำลังโหลดความคิดเห็น