ศรีสะเกษ/บุรีรัมย์ - พิษภัยแล้งทำ “ห้วยขะยูง” สายน้ำสำคัญหล่อเลี้ยงชาวศรีสะเกษแห้งขอดตลอดสาย ประชาชนเดือดร้อนขาดน้ำ ขณะอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งของศรีสะเกษเหลือน้ำใช้การได้น้อย วอนเล่นน้ำสงกรานต์ประหยัด ขณะอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดบุรีรัมย์ตื้นเขินต่ำกว่าประตูระบายน้ำ เกษตรกรปลูกพืชผักสวนครัวขายเกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 50 ครัวเรือน เดือดร้อนผักขาดน้ำเหี่ยวแห้งตายเสียหาย
วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสะพานข้ามห้วยขะยูง ระหว่างบ้านไร่เจริญ ต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ และบ้านโนนใหญ่ หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบริเวณลำห้วยขะยูง ลำน้ำสำคัญอีกสายหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างหนัก ส่งผลให้ลำห้วยขะยูงแห้งขอดตลอดสาย มีน้ำเหลืออยู่เป็นหย่อมๆ มีเพียงร่องน้ำประมาณ 1 เมตรเป็นทางน้ำไหล และมีพื้นทรายใต้ท้องลำห้วยขะยูงโผล่เป็นระยะทางยาว
โดยลำห้วยขะยูงแห่งนี้ไหลผ่าน อ.กันทรลักษ์ อ.โนนคูณ อ.เบญจลักษ์ ของ จ.ศรีสะเกษ และอีกหลายอำเภอของ จ.อุบลราชธานี ได้เริ่มแห้งขอดอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. ทำให้ประชาชนที่อาศัยน้ำจากลำห้วยสำคัญนี้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรเป็นอย่างมาก
นายจำรัส สวนจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการสำรวจระดับน้ำของอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งของ จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดมีน้ำใช้การได้เหลืออยู่ประมาณ 42% เท่านั้น และระดับน้ำกำลังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ดังนั้น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จึงขอความร่วมมือจากประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษควรเล่นสาดน้ำสงกรานต์แบบประหยัดน้ำ และควรหันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำ และแม่น้ำมูล เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยติ๊กชู อ่างเก็บน้ำห้วยศาลา อ.ภูสิงห์ ฝายราศีไศล และหาดบ้านแก้ง อ.เมืองศรีสะเกษ หาดนางเหงา อ.กันทรารมย์ แทนการนำน้ำมาสาดบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก จะเป็นการประหยัดน้ำได้เป็นอย่างดี เพื่อจะได้มีน้ำใช้ได้ตลอดหน้าแล้งปีนี้
ขณะที่ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดฝั่งด้านทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของ ต.สะแกซำ อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่เป็นแหล่งน้ำดิบสำคัญสำหรับใช้ในการผลิตประปา และเพื่อการเกษตร มีสภาพตื้นเขินและบางจุดแห้งขอดจนมองเห็นเนินดินโผล่กลางอ่าง ทำให้ไม่สามารถปล่อยน้ำผ่านประตูระบายน้ำไปหล่อเลี้ยงพืชผักของเกษตรกรในเขตบริการได้ ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้มีอาชีพปลูกพืชผักสวนครัวในหมู่บ้านโคกกลาง ม.11 ต.สะแกซำ อ.เมืองบุรีรัมย์ เกือบทั้งหมู่บ้านกว่า 50 หลังคาเรือน พื้นที่ปลูกประมาณ 60 ไร่ต้องประสบปัญหาขาดน้ำหล่อเลี้ยงพืชผักที่ปลูกไว้ขาย เช่น มะเขือ ถั่วฝักยาว บวบ ข้าวโพด และอื่นๆ อีกหลายชนิด เริ่มมีสภาพเหี่ยวเฉาและทยอยแห้งตายเสียหายแล้ว และคาดว่าหากไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงอีก 3-4 วันพืชผักที่ปลูกไว้ก็จะแห้งตายเสียหายเป็นวงกว้าง
จากผลกระทบดังกล่าวจึงได้ร้องขอให้หน่วยงานภาครัฐได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดกลางเพื่อสูบดึงน้ำจากก้นอ่างห้วยตลาดที่ยังเหลืออยู่ เพื่อมาหล่อเลี้ยงพืชผักของเกษตรกรให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตแล้งไปได้ เพราะหากแห้งตายเสียหายก็จะขาดทุนและขาดรายได้รายละหลายหมื่นบาทอย่างแน่นอน
ด้านนายโปย ไชยศรีรัมย์ อายุ 66 ปี เกษตรกรบ้านโคกกลาง ม.11 ต.สะแกซำ บอกว่า ขณะนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านเกือบทุกหลังคาเรือนที่มีอาชีพปลูกพืชผักสวนครัวขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัวกำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก จากการขาดน้ำหล่อเลี้ยงพืชผักทำให้เหี่ยวเฉาแห้งตาย ซึ่งบางรายต้องลงทุนควักเงินซื้อน้ำมันและท่อน้ำไปต่อกับเครื่องยนต์รถไถนาเดินตามที่มีอยู่เพื่อสูบน้ำจากก้นอ่างห้วยตลาดมาหล่อเลี้ยงพืชผักไม่ให้แห้งตาย แต่บางรายที่ไม่มีทุนก็ต้องปล่อยให้พืชผักเหี่ยวแห้ง จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานภาครัฐหาวิธีช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรด้วย