MGR Online - นักธุรกิจสาวร้านเพชรเมืองพิษณุโลกเดินหน้ารุกตลาดน้ำหอม "มาดามฟิน" เผยหลังเปิดตลาดมาครบ 1 ปีเมื่อ 25 มี.ค.ยอดขายดีเกินคาด ก้าวเข้าปีที่ 2 เตรียมขยายตลาดสู่กลุ่มเพศชาย เพิ่มผลิตภัณฑ์ ปรับปรุงบรรจุภัณท์ให้สวยงาม เปลี่ยนแพคเกจให้มีราคาถูกลง แต่คุณภาพนําหอมเหมือนเดิมทุกอย่าง ขณะเดียวกันยังคว้านางแแบบชื่อดังอดีตค่าตัว 50 ล้าน "ยุ้ย รจน เพชรกันหา" มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ "มาดามฟิน" เทียบชั้นแบรนด์น้ำหอมระดับโลกด้วย
วันนี้ (26 มี.ค.) น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย อายุ 32 ปี นักธุรกิจสาวร้านเพชร "สีฟ้า เจมส์แอนด์จิวเวลรี่" ตั้งอยู่เลขที่ 88 ถนนพระองค์ดํา อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้บุกเบิกธุรกิจน้ำหอมแบรนด์ Madam Fin หรือมาดามฟิน ที่กำลังเป็นกระแสฮือฮาในโลกโซเซียลอยู่ในขณะนี้ เปิดเผยถึงแผนการตลาดและการพัฒนาคุณภาพนํ้าหอมมาดามฟินหลังจากได้ทำการเปิดตลาดมาครบ 1 ปีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ในโอกาสที่ครบ 1 ปีเต็มของมาดามฟิน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางมาดามฟิน มีแผนที่การดําเนินธุรกิจ ดังนี้ 1.ขยายตลาดไปสู่กลุ่มเพศชาย โดยจะผลิตนําหอมสําหรับผู้ชาย 3 กลิ่น 2.เพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เช่นโลชั่น สบู่ ชุดนอน เป็นต้น 3.ผลิตนําหอมสําหรับการสะสมสําหรับผู้ที่ชื่นชอบมาดามฟิน คือรุ่น Signature โดยจะมีลายเซ็นต์เจ้าของแบรนด์ที่กล่องนําหอมทุกกล่อง
4.ปรับปรุงบรรจุภัณท์ให้สวยงามและดูดีมากขึ้นกว่าเดิม 5.จะผลิตนําหอมมาดามฟินสําหรับผู้มีรายได้น้อยแต่อยากใช้สินค้าของเรา ประมาณมาดามฟินเอื้ออาทร โดยเปลี่ยนแพคเกจให้มีราคาถูกลง ขนาดเล็กลงราคาถูกมากๆ เหมือนให้ใช้ฟรี แต่คุณภาพนําหอมเหมือนเดิมทุกอย่าง 6.ผลิตสินค้ารุ่นลิมิเตดเอดดิชั่น สําหรับแฟนตัวจริงมาดามฟิน 7.หาช่องทางเพื่อการส่งออกไปจําหน่ายต่างประเทศ และ 8.ให้การสนับสนุนกิจกรรมในท้องถิ่น เช่นงานประเพณีวัฒนธรรม การกีฬา และมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากไร้
"สำหรับมาดามฟิน เราเริ่มผลิตและจำหน่ายมาได้ครบ 1 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสตอบรับเกินความคาดหมายจากที่ประเมินไว้มาก ดังนั้น ในโอกาสย่างก้าวเข้าขวบที่ 2 ของมาดามฟิน จึงจะต้องมีการพัฒนาต่อไป แต่คุณภาพยังคงเดิม"
น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย เปิดเผยด้วยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการวางแผนการตลาดมาหลาหลายรูปแบบ ล่าสุดได้ดึงเอานางแบบชื่อดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับมาดามฟิน ด้วยคือ ยุ้ย รจนา เพชรกันหา ทั้งนี้ หากพูดถึงนางแบบไทยที่โด่งดังที่สุดซึ่งไปไกลระดับโลกและทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนางแบบไทยคนไหนไปไกลเท่าเธอมาก่อน คงต้องยกให้ตัวแม่อย่าง ยุ้ย รจนา เพชรกันหา ซึ่งเคยโด่งดังสูงสุดกับการได้เป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแบรนด์ชั้นนำอันดับหนึ่งของโลกตลอดกาลนั่นคือ Allure Chanel โดยสมัยก่อนในยุคที่รุ่งเรืองสุดๆ ยุ้ย รจนา เคยมีค่าตัวสูงสุดต่อปีมากถึง 50 ล้านเลยทีเดียว และเธอเองก็ยังคงเป็นหนึ่งเดียวนางแบบไทยที่ได้มีโอกาสร่วมงานแฟชั่นให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาหลายยี่ห้อ อาทิ Gucci, Versace, Calvin Klien และอีกมากมายหลายแบรนด์
ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องราวชีวิตดราม่าทั้งมีข่าวติดยา ตกอับ โดนทำร้ายร่างกายและสารพัดข่าวฉาว แต่ปัจจุบัน ยุ้ย รจนา ก็ยังคงเป็นนางแบบขวัญใจหนึ่งเดียวคนไทยที่สร้างภาคภูมิใจให้กับคนทั้งประเทศกับผลงานการเป็นนางแบบและพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลก ซึ่งความสวยแบบยุ้ย คือเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่หายากยิ่งในปัจจุบัน แต่ความมีเอกลักษณ์แบบนี้แหละที่แตะตาโดนใจต่างชาติ และที่สำคัญ ยุ้ย กลับมาเปรี้ยงปร้างมากกว่าเดิมกับการเป็นนางแบบและเป็นครูสอนโรงเรียนเดินแบบที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
"ถ้าพูดถึงพี่ยุ้ย รจนา คงต้องนึกถึงความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นนางแบบไทยที่ไปโด่งดังในต่างประเทศรวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของน้ำหอมอย่างชาเนล ตรงนี้ยอมรับว่าดีใจมากที่พี่ยุ้ย ตัดสินใจเลือกที่จะร่วมงานกับมาดามฟิน ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำหอมสายเลือดไทยที่ต้องการไปไกลในระดับโลก โดยตอนนี้ทางเราได้ทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์มาก่อนซึ่งผลลัพธ์ดีมาก มีลูกค้าสั่งเข้ามาเพียบ จนเพิ่มกำลังการผลิตถามว่าผลลัพธ์ดียังไง คงต้องลองฉีดเองแล้วจะรู้ เรามีรีวิวความประทับใจจากลูกค้ามากเป็นหมื่นๆราย” น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย ผู้บริหารจากแบรนด์น้ำหอมมาดามฟิน เผยถึงเหตุผลที่ได้เลือก ยุ้ย รจนา มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
ด้าน ยุ้ย รจนา เพชรกันหา กล่าวว่า ปลื้มใจเป็นที่สุดที่ตอนนี้ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของน้ำหอมไทย มาดามฟิน ซึ่งเกิดกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์เยอะมากว่าเป็นน้ำหอมสัญชาติไทยที่เตรียมโกอินเตอร์ กล้าดีเทียบชั้นน้ำหอมแบรนด์ดังราคาแพงระดับโลก โดยปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 1 ล้านขวดแล้ว
"ต้องขอบคุณทางน้ำหอมมาดามฟินมากค่ะ ที่ให้โอกาสยุ้ยได้ร่วมงานในการทำหน้าที่เป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือเป็นโปรเจ็คถ่ายแฟชั่น จริงๆก็มีหลายแบรนด์ไทยติดต่อมาเยอะมากแต่ยุ้ยเลือกมาดามฟินเพราะเป็นน้ำหอมที่มีความเป็นมาและเรื่องราวแตกต่างจากน้ำหอมยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะขบวนการผลิต คุณภาพ และผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจจากลูกค้าที่ซื้อน้ำหอมไปใช้ทำให้มั่นใจว่าการได้ร่วมงานต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา" ยุ้ย รจนา เพชรกันหา กล่าว
วันนี้ (26 มี.ค.) น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย อายุ 32 ปี นักธุรกิจสาวร้านเพชร "สีฟ้า เจมส์แอนด์จิวเวลรี่" ตั้งอยู่เลขที่ 88 ถนนพระองค์ดํา อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้บุกเบิกธุรกิจน้ำหอมแบรนด์ Madam Fin หรือมาดามฟิน ที่กำลังเป็นกระแสฮือฮาในโลกโซเซียลอยู่ในขณะนี้ เปิดเผยถึงแผนการตลาดและการพัฒนาคุณภาพนํ้าหอมมาดามฟินหลังจากได้ทำการเปิดตลาดมาครบ 1 ปีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ในโอกาสที่ครบ 1 ปีเต็มของมาดามฟิน เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางมาดามฟิน มีแผนที่การดําเนินธุรกิจ ดังนี้ 1.ขยายตลาดไปสู่กลุ่มเพศชาย โดยจะผลิตนําหอมสําหรับผู้ชาย 3 กลิ่น 2.เพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เช่นโลชั่น สบู่ ชุดนอน เป็นต้น 3.ผลิตนําหอมสําหรับการสะสมสําหรับผู้ที่ชื่นชอบมาดามฟิน คือรุ่น Signature โดยจะมีลายเซ็นต์เจ้าของแบรนด์ที่กล่องนําหอมทุกกล่อง
4.ปรับปรุงบรรจุภัณท์ให้สวยงามและดูดีมากขึ้นกว่าเดิม 5.จะผลิตนําหอมมาดามฟินสําหรับผู้มีรายได้น้อยแต่อยากใช้สินค้าของเรา ประมาณมาดามฟินเอื้ออาทร โดยเปลี่ยนแพคเกจให้มีราคาถูกลง ขนาดเล็กลงราคาถูกมากๆ เหมือนให้ใช้ฟรี แต่คุณภาพนําหอมเหมือนเดิมทุกอย่าง 6.ผลิตสินค้ารุ่นลิมิเตดเอดดิชั่น สําหรับแฟนตัวจริงมาดามฟิน 7.หาช่องทางเพื่อการส่งออกไปจําหน่ายต่างประเทศ และ 8.ให้การสนับสนุนกิจกรรมในท้องถิ่น เช่นงานประเพณีวัฒนธรรม การกีฬา และมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนยากไร้
"สำหรับมาดามฟิน เราเริ่มผลิตและจำหน่ายมาได้ครบ 1 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสตอบรับเกินความคาดหมายจากที่ประเมินไว้มาก ดังนั้น ในโอกาสย่างก้าวเข้าขวบที่ 2 ของมาดามฟิน จึงจะต้องมีการพัฒนาต่อไป แต่คุณภาพยังคงเดิม"
น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย เปิดเผยด้วยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการวางแผนการตลาดมาหลาหลายรูปแบบ ล่าสุดได้ดึงเอานางแบบชื่อดังมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับมาดามฟิน ด้วยคือ ยุ้ย รจนา เพชรกันหา ทั้งนี้ หากพูดถึงนางแบบไทยที่โด่งดังที่สุดซึ่งไปไกลระดับโลกและทุกวันนี้ก็ยังไม่มีนางแบบไทยคนไหนไปไกลเท่าเธอมาก่อน คงต้องยกให้ตัวแม่อย่าง ยุ้ย รจนา เพชรกันหา ซึ่งเคยโด่งดังสูงสุดกับการได้เป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแบรนด์ชั้นนำอันดับหนึ่งของโลกตลอดกาลนั่นคือ Allure Chanel โดยสมัยก่อนในยุคที่รุ่งเรืองสุดๆ ยุ้ย รจนา เคยมีค่าตัวสูงสุดต่อปีมากถึง 50 ล้านเลยทีเดียว และเธอเองก็ยังคงเป็นหนึ่งเดียวนางแบบไทยที่ได้มีโอกาสร่วมงานแฟชั่นให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาหลายยี่ห้อ อาทิ Gucci, Versace, Calvin Klien และอีกมากมายหลายแบรนด์
ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องราวชีวิตดราม่าทั้งมีข่าวติดยา ตกอับ โดนทำร้ายร่างกายและสารพัดข่าวฉาว แต่ปัจจุบัน ยุ้ย รจนา ก็ยังคงเป็นนางแบบขวัญใจหนึ่งเดียวคนไทยที่สร้างภาคภูมิใจให้กับคนทั้งประเทศกับผลงานการเป็นนางแบบและพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลก ซึ่งความสวยแบบยุ้ย คือเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่หายากยิ่งในปัจจุบัน แต่ความมีเอกลักษณ์แบบนี้แหละที่แตะตาโดนใจต่างชาติ และที่สำคัญ ยุ้ย กลับมาเปรี้ยงปร้างมากกว่าเดิมกับการเป็นนางแบบและเป็นครูสอนโรงเรียนเดินแบบที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
"ถ้าพูดถึงพี่ยุ้ย รจนา คงต้องนึกถึงความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็นนางแบบไทยที่ไปโด่งดังในต่างประเทศรวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของน้ำหอมอย่างชาเนล ตรงนี้ยอมรับว่าดีใจมากที่พี่ยุ้ย ตัดสินใจเลือกที่จะร่วมงานกับมาดามฟิน ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำหอมสายเลือดไทยที่ต้องการไปไกลในระดับโลก โดยตอนนี้ทางเราได้ทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์มาก่อนซึ่งผลลัพธ์ดีมาก มีลูกค้าสั่งเข้ามาเพียบ จนเพิ่มกำลังการผลิตถามว่าผลลัพธ์ดียังไง คงต้องลองฉีดเองแล้วจะรู้ เรามีรีวิวความประทับใจจากลูกค้ามากเป็นหมื่นๆราย” น.ส.นรี ชีวสุทธิศิลป์ หรือ ทราย ผู้บริหารจากแบรนด์น้ำหอมมาดามฟิน เผยถึงเหตุผลที่ได้เลือก ยุ้ย รจนา มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
ด้าน ยุ้ย รจนา เพชรกันหา กล่าวว่า ปลื้มใจเป็นที่สุดที่ตอนนี้ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของน้ำหอมไทย มาดามฟิน ซึ่งเกิดกระแสพูดถึงในโลกออนไลน์เยอะมากว่าเป็นน้ำหอมสัญชาติไทยที่เตรียมโกอินเตอร์ กล้าดีเทียบชั้นน้ำหอมแบรนด์ดังราคาแพงระดับโลก โดยปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 1 ล้านขวดแล้ว
"ต้องขอบคุณทางน้ำหอมมาดามฟินมากค่ะ ที่ให้โอกาสยุ้ยได้ร่วมงานในการทำหน้าที่เป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือเป็นโปรเจ็คถ่ายแฟชั่น จริงๆก็มีหลายแบรนด์ไทยติดต่อมาเยอะมากแต่ยุ้ยเลือกมาดามฟินเพราะเป็นน้ำหอมที่มีความเป็นมาและเรื่องราวแตกต่างจากน้ำหอมยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะขบวนการผลิต คุณภาพ และผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจจากลูกค้าที่ซื้อน้ำหอมไปใช้ทำให้มั่นใจว่าการได้ร่วมงานต้องเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา" ยุ้ย รจนา เพชรกันหา กล่าว
