มงลงหัว! เปิดใจ "มิลล์ ภัทลดา" รองอันดับหนึ่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2016 เจ้าตัวลั่นกลับมาเพื่อลบคำสมประมาทของตัวเอง รับเคยคิดเรื่องศัลยกรรมแต่ตอนนี้มองไม่เห็นถึงความจำเป็น พร้อมวาดฝันใหญ่ครั้งใหม่อยากก้าวสู่เวทีนางแบบระดับอินเตอร์
สร้างความฮือฮาให้วงการนางงามไม่น้อยสำหรับ "มิลล์ ภัทลดา กุลภัคธนภัทร์" รองอันดับหนึ่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2016 ที่แม้จะไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศแต่การประกวดครั้งนี้นับว่าเธอประสบความสำเร็จทีเดียวโดยเฉพาะเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วบนเวทีเดียวกันที่เธอต้องผิดหวังตกรอบไปตั้งแต่ 30 คนสุดท้าย
"จากวันแรกที่ได้รับประกาศชื่อความตื่นเต้นยังไม่จางหายไปเลยค่ะ เพราะว่ารู้สึกว่ามิลล์ มิลล์มาไกลเกินกว่าที่มิลล์คาดไว้ค่ะ เพราะแค่มั่นว่า 10 คนคือเราต้องเข้าแต่มิลล์ไม่คิดว่าเราจะมาถึงขนาดนี้" สาวเจ้าของตำแหน่งรองอันดับหนึ่งมิสไทยแลนด์เวิลด์หมาดๆ เผยถึงความรู้สึก
"คือตอนเรียกเข้าสามคนนี่ ยังหันกลับไปหาที่คนยืนรอด้วยกันว่าถ้าเข้าไปแล้วยินดีด้วยนะ ถ้าสังเกตดีๆ หน้าจะเหวอมากค่ะ (เสียงกรี๊ดเราดังมาก) ได้ยินค่ะได้ยิน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามีคนเชียร์เราเยอะ ไม่คิดว่าจะมีคนเชียร์เยอะขนาดนั้นเพราะว่าเราไม่ได้สวยเหมือนไดร์ ไม่ได้สวยเหมือนน้อง ก็เข้าใจนะค่ะว่าคนไทยชอบแบบไหน "
ถึงตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน?
"หลังรับตำแหน่ง ชีวิตเปลี่ยนไปนิดหนึ่งค่ะ จากนางแบบไปเป็นนางงาม คนรู้จักมากขึ้น ได้กำลังใจเยอะขึ้น การเป็นนางงามจะทำตัวเหมือนนางแบบไม่ได้จะต้องเหมือนแบบคอยคิดลบอยู่ตลอดเวลาค่ะ นี่คือสิ้งที่ต้องระวัง การเป็นนางแบบเราสามารถเป็นตัวเองได้คือจะนั่งหลังค่อม เดินเล่นโทรศัพท์ได้ ยังไงก็ได้ ฟรีสไตล์ค่ะ เวลาทำงานค่อยปรับ บุคลิกตัวเอง แต่เวลาเป็นนางงามต้องบุคลิกภาพดีตลอดเวลา"
บอกกลับมาครั้งนี้ได้ลบคำสบประมาทหลังได้รับตำแหน่ง
"ความจริงแล้วมิลล์เคยมาเวทีนี้แล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยเข้ารอบสุดท้าย ครั้งนี้เลยกลับมาอีกครั้งหนึ่งลบคำสบประมาทของตัวเอง เอาหลักๆ คือลบคำสบประมาทของตัวเองไม่ใช่คนอื่น เหมือนแบบหนูไม่ค่อยมีความมั่นอยู่ตลอดเวลา เหมือนแบบนางงามเขาต้องคอยอะไรยังไงตลอดเวลา มาครั้งแรกคือประมาทมากค่ะ พอมารอบนี้คือแบบมิลล์มั่นใจมากขึ้น มิลล์ทำทุกกิจจกรรมเต็มที่"
"รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วค่ะว่านางงามเน้นสวยเป็นอันดับแรก มิลล์เลยคิดว่าเรายังเคยได้ที่หนึ่งนางแบบมาได้เลยเลยมีความรู้สึกว่านางงามฉันก็ไม่น่าจะพลาด และก็ไม่มีสิ่งไหนที่หนูจะทำไม่ได้โดยที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง หนูไม่คิดว่าหนูจะมาถึงตรงนี้ได้ ในเมื่อหนูเคยก้าวไปก้าวหนึ่งแล้วความสำเร็จชีวิตคือนางแบบคือประกวดมาแล้วได้ที่หนึ่ง เวทีอีลิท โมเดล 2014 ค่ะ คือมิลล์เลยคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใบหน้ารูปร่างเพื่อเอาใจใครมิลล์ว่าเป็นตัวของตัวเองดีกว่าค่ะ"
เผยไม่คิดศัลยกรรม ปัดน้อยใจคนติไม่ใช่ลุคนางงาม บอกเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด
"ไม่เสียใจนะค่ะ แต่ก่อนหน้านั่นใช่ เสียใจเรายังไม่ได้การันตีอะไรเรามา แต่ตอนนี้ถามว่ารับฟังไหม รับฟังค่ะแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ หนูเชื่อว่าสิ่งที่คณะกรรมการเห็นคือความมั่นใจมากกว่า เรื่องศัลยกรรมก่อนหน้านี้เคยคิดจะทำไหมก็เคยคิดนะคะ แต่พอได้ตำแหน่งอีลิท โมเดลมามิลล์ก็คิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องจะทำ แต่ถามว่าศัลยกรรมแล้วสวยมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ สร้างความมั่นใจ แต่ถ้าเราเป็นตัวเราก็จะมั่นใจกว่า"
หวังโกอินเตอร์ เดินแบบต่างประเทศ..."ใช่ค่ะความจริงแล้วมิลล์ก็เป็นนางแบบอยู่แล้ว แต่มิลล์ต้องการสานต่อตรงนี้ให้ไปไกลมากกว่านี้ คือไปอยู่เมืองนอก ไปเดินแฟชั่นวีคเมืองนอก ยังไม่เคยไปเดินแบบต่างประเทศแต่เคยไปทำงานที่จีนเฉยๆ แต่พวกเดินแบบยังไม่เคยไปค่ะ"
เรามีใครเป็นไอดอลมั้ย?
"ก็มี นาโอมิ กับ มิแรนดา เคอร์ ค่ะ นาโอมิ ก็จะมีสีผิวที่มีความมั่นใจที่เป็นแบบฉบับของเขาซึ่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอย่างนางแบบไทยที่เห็นได้ชัดคือพี่ ยุ้ย รจนา เขาไปได้ไกลโดยที่เขาไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง หนูเชื่อว่าคนเรามีค่ามากกว่านั้นที่จะไปเปลี่ยนแปลงเพื่ออะไร มุมมองคนเราก็ไม่เหมือนกัน ส่วนมิแรนดา เคอร์ ที่ชอบเพราะว่านางก็เป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นคนอื่น"
"จริงๆ มีคนทักเยอะเหมือนกันค่ะว่าคล้ายพี่ยุ้ย รจนา ตอนแรกก็งงว่าใครคือ ยุ้ย รจนา แต่พอหลังๆ เราไปค้นประวัติพี่เขาดู คนนี้ก็ใช่เล่นนะเป็นนางแบบคนแรกที่ไปได้ไกลจริงๆ พี่เขาได้ขึ้นปกโว้กด้วย ได้ไปทำหลายๆ อย่างที่เมืองนอก เคยทำงานกับพี่ยุ้ยเหมือนกันค่ะ หลังจากที่พี่ยุ้ยเขาได้กลับมาเมืองไทยช่วงที่ชื่อเสียงพี่เขาตกลงแล้ว ก็เหมือนกับมีหลายคนคิดจะช่วยเขาได้กลับมาดังเหมือนเดิมเลยได้มีโอกาสเดินแบบกับพี่เขาค่ะ"
"ดีใจนะค่ะที่ไอดอลคนหนึ่งที่เคยอยู่จุดสูงสุดที่เป็นคนไทย เป็นความภาคภูมิใจของไทย อยากไปจุดนั้นเหมือนกัน ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะไปเป็นแบบนั้นประมาณกี่ปี ขอเป็นไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคงดีกว่า ไม่อยากก้าวแล้วมันพลาด ก่อนที่จะมาก็เคยคุยกับเอเจนซีต่างประเทศไว้แล้ว เคยมีคุยกันไว้แล้วว่าจะไป พอติดตรงนี้ก็ยังคงไม่ได้ไป เพราะว่าอาจจะติดกิจกรรม ก็คือต้องให้ความสำคัญกับทางนี้มากกว่า ทางนั้นก็คงหยุดไว้ก่อนแต่ไปแน่นอนค่ะ..."