xs
xsm
sm
md
lg

หนักขึ้นอีก! ฝุ่น PM10 “เชียงราย” ทะลุ 300 ไมโครกรัมแล้ว เชียงใหม่ตะวันเปลี่ยนสี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - คุณภาพอากาศ 7 จังหวัดภาคเหนือยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง ล่าสุด พบระดับ PM10 ท้องที่ “เชียงราย” รายชั่วโมงพุ่งสูงสุดทะลุ 300 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว ขณะที่ “เชียงใหม่” ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 2 จุดหลัก แต่หมอกควันคลุมเมืองซ้ำจนตะวันยังเปลี่ยนสี

เช้าวันนี้ (25 มี.ค.) สำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผลการตรวจสารมลพิษทางอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ ว่า ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่าระหว่าง 99-317 ไมโครกรัม/ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ในพื้นที่ 7 จังหวัด

ประกอบด้วย ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน, ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา, ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง, ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย, ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย, ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่, ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่, ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

โดยผลการตรวจวัด PM10 รายชั่วโมงเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา พบว่า เชียงราย ที่ ต.เวียง อ.เมือง สูงถึง 317 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย วัดได้ 301 ไมโครกรัม/ลบ.ม., จ.เชียงใหม่ ต.ช้างเผือก วัดได้ 144 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ต.ศรีภูมิ วัดได้ 157 ไมโครกรัม/ลบ.ม.

ลำปาง ต.พระบาท อ.เมือง วัดได้ 134 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ วัดได้ 139 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ วัดได้ 154 ไมโครกรัม/ลบ.ม., แม่ฮ่องสอน ที่ ต.จองคำ อ.เมือง วัดได้ 209 ไมโครกรัม/ลบ.ม., น่าน ต.ในเวียง อ.เมือง วัดได้ 173 ไมโครกรัม/ลบ.ม., ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ 154 ไมโครกรัม/ลบ.ม., แพร่ ต.นาจักร อ.เมือง วัดได้ 161 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และพะเยา ต.เวียง อ.เมือง วัดได้ 210 ไมโครกรัม/ลบ.ม.

ขณะที่สภาพท้องฟ้าในตัวเมืองเชียงใหม่มีหมอกควันจากไฟป่าปกคลุมหนาแน่นอีกครั้ง ทำให้ทัศนวิสัยขุ่นมัว การมองเห็นลดลงเหลือเพียง 200 เมตร รถราต้องเปิดไฟตัดหมอกเพื่อความปลอดภัย และใช้ความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้น ประชาชนมีอาการแสบตา แสบจมูก หายใจติดขัด ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย แม้แต่พระอาทิตย์ก็เปลี่ยนสี

สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ ยังคงต้องแจ้งเตือนประชาชนให้งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง และให้ช่วยกันฉีดพ่นละอองน้ำ หรือรดต้นไม้ตามหน้าบ้านเรือนเพื่อให้เกิดความชื้นในอากาศช่วยลดหมอกควัน

ด้านจังหวัดแพร่ ที่ต้องผจญต่อฝุ่นละอองขนาดเล็กจากหมอกควัน และไฟป่าเกินค่ามาตรฐานติดต่อกันมากว่า 10 วันแล้ว แม้เจ้าหน้าที่หน่วยดับไฟป่า และหน่วยป่าไม้จะสนธิกำลังกันเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถทำให้ระดับ PM10 ลดลงได้ เนื่องจากมีการจุดไฟอย่างต่อเนื่อง

นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจังหวัดเข้าประชุมแก้ปัญหาดังกล่าวเมื่อบ่ายวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา กำชับให้ใช้มาตรการเฉียบขาดตามกฎหมายต่อคนที่ลักลอบเผาป่า นอกจากการส่งเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีหน่วยติดตามหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ

ทั้งนี้ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือเข้าครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่น ฯลฯ โดยกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่มีการเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท

นอกจากนั้น ยังมี พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งขาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ผู้ที่เผาป่ามีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-5 ปี ปรับ 20,000-150,000 บาท และ พ.ร.บ.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.2550 ที่มีเนื้อหาเป็นแผนแม่บทในการจัดตั้งองค์กรมุ่งคุ้มครองความปลอดภัย ป้องกัน และขจัดภัยให้แก่ประชาชนก็ได้ระบุโทษไว้เช่นกัน











กำลังโหลดความคิดเห็น