xs
xsm
sm
md
lg

แอปอวดอากาศเชียงใหม่ "ใส"... ที่แท้แค่น้ำโรย ให้พ้นๆ "วิกฤตฝุ่นละออง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่ามีการนำรถฉีดน้ำไปฉีดบริเวณที่ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศอยู่ คาดว่าทำเพื่อให้เครื่องวัดคุณภาพอากาศแสดงค่าเฉลี่ยต่ำกว่าความเป็นจริง ด้วยการอ่านค่าวัดอากาศผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai ว่าอากาศวันนี้สดใส

ซึ่งแอปพลิเคชัน Air4Thai ได้ระบุค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง เชียงใหม่ เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 25 มี.ค. พบว่ามีปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอนหรือ 0.01 มิลลิเมตร มีค่า 78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งทำให้สภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ในขณะที่วันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานมาว่า สภาพอากาศของเชียงใหม่มีหมอกควันปกคลุมจำนวนมาก พร้อมทั้งวัดค่าฝุ่นละอองได้ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากจนต้องมีการแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองปกคลุมมากหรือหากต้องเดินทางไปไหนให้สวมหน้ากากอนามัยปิดจมูกด้วย และให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์

โซเชียลระอุเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำเครื่องวัดฯ แสร้งอากาศสดใส

ทันทีที่ชาวโซเชียลเห็นภาพการนำรถฉีดน้ำไปฉีดบริเวณที่ติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศต่างรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวอย่างมากว่าเหตุใดถึงทำเช่นนี้ เพราะการทำเช่นนี้เครื่องวัดย่อมแสดงข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นผ่านโลกออนไลน์กันอย่างหนักหน่วงถึงหน่วยงานรัฐบาล เช่น

“ข้าราชการทำแบบนี้ถือว่าทุจริตต่อหน้าที่ เพราะตั้งใจรายงานสภาพอากาศเป็นเท็จ ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายและความน่าเชื่อถือของประชาชนต่อหน่วยงานรัฐ แบบนี้ผู้บังคับบัญชาต้องตั้งกรรมการสอบวินัย”

“ปัญหามันต้องยอมรับว่ามันมีซะก่อนถึงจะแก้ได้ถ้าไม่ยอมรับว่ามันมีปัญหาแล้วจะแก้มันได้ยังไงละ คือไม่เข้าใจว่าถ้าผลตรวจวัดออกมาว่าสภาพอากาศมันไม่ดีแล้วมันจะทำให้ใครโดนลงโทษหรอ แทนที่จะทำให้มันรู้สภาพที่แท้จริงจะได้จัดสรรทรัพยากรไปแก้ได้ถูกจุด การเก็บซ่อนปัญหาต่างหากที่เป็นการทรยศต่อประชาชนและสมควรจะต้องถูกลงโทษให้หนัก”

“อากาศเชียงใหม่แย่ขนาดนี้ยังไม่มีประกาศให้ประชาชนระวังเลยครับ การสวมหน้ากากในที่กลางแจ้ง การงดออกกำลังกลางแจ้งก็ดี เราประชาชนตาดำๆต้องดูแลตัวเองต่อไป”

“เลวจังข้าราชการที่ทำ ใจดำกับประชาชนในพื้นที่ของตัวเองมากๆ ทรยศต่อภาษีของประชาชนยังมีความเป็นคนไหม”

“หากมีคนเจ็บป่วย เพราะเชื่อการรายงานคุณภาพอากาศว่าดี (ที่จริงไม่ดี) จึงไม่ป้องกันตนเอง จะเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้มั๊ย ? #ใครสั่ง? #ที่นี่ประเทศไทย ”

นอกจากนี้ทางผู้สื่อข่าว Live ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ นพ. วรเทพ คานีเยาว์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ. เชียงใหม่ บอกว่า สถานการณ์หมอกควันปกคลุมขณะนี้บางวันถือว่าอากาศดีขึ้นนิดหน่อย แต่บางวันหมอกควันหนาจนแทบมองไม่เห็นอะไรในตอนเช้า ยิ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝุ่นควันค่อนข้างเยอะแทบทุกวัน ส่งผลให้ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างหอบหืด ถุงลมโป่งพอง เป็นต้น มีอาการป่วยมากขึ้น ซึ่งอาการของผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่จะแสบตาจากหมอกควัน และเมื่อหายใจจะได้กลิ่นแต่ควัน อาการเหล่านี้มีผลกระทบต่อทางเดินหายใจโดยตรง

“ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ดูแลตรงส่วนนี้ไม่เคยมีการแจ้งเตือน หรือคำแนะนำอะไรประกาศให้ประชาชนได้รับรู้บ้างเลย ถึงวิธีการป้องกันและวิธีการรับมือต่อปัญหาที่เกิดอยู่นี้ ซึ่งผมเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างไร เพียงแต่จะจัดการได้มาน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง ที่ผ่านมามีแต่คำแนะนำว่า “อย่างเผาป่า” แต่ด้วยวิถีชาวบ้าน ผมไม่แน่ใจว่าในจุดนั้นเขาทำได้จริงหรือไม่”

เช่นเดียวกับอีกหนึ่งแหล่งข่าวในพื้นที่ เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในตัวเมืองเชียงใหม่มีหมอกควันค่อนข้างเยอะพอสมควร มองจากตึกไปเห็นแต่หมอกควันเต็มไปหมด เวลาออกไปทำงานน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลาและแสบตามาก ประกอบกับในเมืองเชียงใหม่ฝุ่นจะมีมากกว่าพื้นที่อื่นที่อยู่ไกลออกไป เวลาหายใจแทบหายใจไม่ออก โดยทุกวันนี้ต้องใช้ผ้าปิดจมูกก่อนออกจากบ้านแทบทุกวัน และรู้สึกว่าการสูดควันมากๆ ทำให้สุขภาพนั้นแย่ลงตามไปด้วย

ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ถึงกับอยู่เฉยไม่ได้รีบตั้งโต๊ะแถลง พร้อมเผยว่า ทาง คพ.ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้ว ทราบว่าปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ทราบเรื่องและสั่งห้ามดำเนินการในลักษณะอย่างนี้ไปแล้ว โดยในการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 60 ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และไม่ให้มีการฉีดน้ำในบริเวณสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งจังหวัดได้มีการรับทราบ

“ดังนั้น คพ.ขอความร่วมมือทุกจังหวัดไม่ฉีดน้ำใกล้สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อให้ผลข้อมูลคุณภาพอากาศเป็นจริง เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาหมอกควัน และผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน” อธิบดี คพ.กล่าว

อีกทั้ง นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า การฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นในบรรยากาศสามารถลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศและลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้นได้ แต่การฉีดพ่นละอองน้ำควรทำให้กระจายในทุกพื้นที่

พะเยา เชียงราย ลำปาง วิกฤตไม่แพ้เชียงใหม่

ใช่ว่าสถานการณ์หมอกควันจะสร้างความเดือดร้อนให้เฉพาะกับชาวเชียงใหม่ ทว่าจังหวัดใกล้เคียงก็กำลังเผชิญกับปัญหาหมอกควันปกคลุมอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะใน จ.พะเยา เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา เกินค่ามาตรฐานเป็นวันแรกในรอบปี โดยค่าฝุ่นละอองในอากาศขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 วันนี้พุ่งขึ้นไปแตะที่ 133 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยสภาพอากาศทั่วไปมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น ซึ่งค่าดังกล่าวจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ขณะที่สภาพอากาศโดยทั่วไปในพื้นที่จังหวัดพะเยา มีหมอกควันจากไฟป่าปกคลุ่มไปทั่วบริเวณ โดยประชาชนที่ขับขี่รถสัญจรไปมาต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูกเพื่อป้องกันหมอกควันที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
ด้านจังหวัดเชียงรายสภาพอากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.เชียงราย ยังคงเป็นปกติแต่บริเวณชายแดนเริ่มมีฝุ่นละอองและหมอกควันปกคลุมมากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้านอ.เชียงแสน ติดกับเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว พบว่าทัศนวิสัยทางเรือในตอนเช้ามีไม่ถึง 1 กิโลเมตร

ส่วน พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า เริ่มหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย โดยกรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพอากาศในเขต อ.เมืองเชียงราย พบว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กต่ำกว่า 10 ไมครอน ในอากาศในปริมาณ 112 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ อ.แม่สาย วัดได้ 155 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

รวมถึง จ. ลำปาง ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในวันนี้มีเพียงสถานีในตำบลบ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่เกินค่ามาตรฐานคือ 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร ที่เหลืออีก 3 สถานี วันนี้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

งานนี้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าสถาการณ์หมอกควันปกคลุมที่กำลังส่งผลกระทบต่อพี่น้องตอนเหนือของประเทศไทยเรานั้นจะดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรดูต้นเหตุกันด้วยว่าการเกิดหมอกควันนี้แท้จริงแล้วต้นเหตุหนึ่งคือฝีมือมนุษย์เรานั่นเอง...







มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น