ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หมอกควันปกคลุมเชียงใหม่ต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ แม้สถานการณ์ยังไม่รุนแรงเข้าขั้นวิกฤตและมองเห็นดอยสุเทพได้อยู่ แต่พบว่ายังมีความเสี่ยงและแนวโน้มที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กPM10 อาจจะพุ่งสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากสภาพอากาศปิดทำให้เกิดการสะสมตัว ต้องกำชับและเข้มงวดมาตรการงดเผา ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือเตือนมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนในช่วง 2-3 วันนี้ หวังกระแสลมช่วยพัดพา
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ตลอดช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันต่อเนื่องทุกวัน อย่างไรก็ตาม พบหมอกควันที่ปกคลุมดังกล่าวว่ายังไม่ถึงขั้นหนาทึบจนมองไม่เห็นดอยสุเทพจากระยะไกล
ขณะที่ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ในภาพรวม ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังอยู่ในระดับปานกลาง โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมายังไม่พบวันที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 สูงเกินกว่าค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ของกรมควบคุมมลพิษ วันนี้ (8 มี.ค. 60) พบว่าคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่อยู่ระดับปานกลาง ซึ่งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 และดัชนีคุณภาพอากาศ เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. ยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 100 ตามลำดับ
ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 86 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 79 ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 69 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และวัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 68
จากข้อมูลและการพยากรณ์จากระบบจำลองของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าในช่วงนี้ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ยังจะมีแนวโน้มที่ค่าฝุ่นละอองจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศปิดทำให้ฝุ่นละอองมีโอกาสสะสมตัว จึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดการเผา
ขณะที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้มีการออกประกาศ ฉบับที่ 1 (2/2560) เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ลงวันที่ 7 มี.ค. 60 ระบุว่าในช่วงระหว่างวันที่ 7-10 มี.ค. 60 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยที่มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ในช่วงระหว่างวันที่ 8-9 มี.ค. 60
จึงขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่ดังกล่าวหลีกเลี่ยงอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และใกล้ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงในช่วงที่เกิดพายุฤดูร้อนในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย เนื่องจากว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป จึงทำให้เกิดพายุฤดูร้อนได้ ซึ่งจากลักษณะดังกล่าวมีการคาดการณ์ว่ากระแสลมอาจจะช่วยพัดพาให้ฝุ่นควันลดการสะสมตัวลงได้บ้าง
ด้านนายปวิณ ชํานิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ในช่วง 60 วันของการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด แต่กลับพบว่ามีจำนวนการเผาป่ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทำให้ต้องมีการปรับแผนแก้ไข ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ เน้นการป้องกันมากขึ้น เพราะถ้าหากเกิดไฟป่าขึ้นแล้วจะควบคุมได้ลำบาก
ในภาพรวมเวลานี้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน อยู่ที่ประมาณ 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ ลมจะพัดพาหมอกควันจากจังหวัดที่อยู่ข้างเคียงซึ่งมีปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐานแล้วเข้ามา และอาจส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ จึงต้องเร่งหาทางป้องกัน แก้ไข และปรับแผนรับมือไว้
โดยได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้เขต 1 (เชียงใหม่) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนฝ่ายปกครองทั้งในระดับอำเภอ และหมู่บ้าน ให้บูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่มีการแบ่งเขตอำเภอ พื้นที่ป่า เขตความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงาน แต่ให้เป็นภารกิจภาพรวมที่ต้องทำร่วมกันของจังหวัดเชียงใหม่ ให้ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะพบเจอไฟป่าที่ใดให้ประสานงานและทำงานร่วมกัน
ในปีนี้ถือว่าเกิดไฟป่าขึ้นในช่วง 60 วันห้ามเผามากกว่าเดิม ซึ่งพื้นที่ที่พบมากคือที่อำเภอแม่ออน รอยต่อกับอำเภอดอยสะเก็ด และบริเวณทางใต้ของจังหวัด คือ อำเภอดอยเต่า อำเภอฮอด และอำเภอจอมทอง
ในส่วนของอำเภออมก๋อยและอำเภอกัลยาณิวัฒนา ที่คาดว่าจะมีไฟป่าเกิดขึ้นมาก แต่มีการจัดการและการประสานงานกันอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ การดำเนินการต่อไปจากนี้จะมีการวิเคราะห์กันทุกสัปดาห์ว่าพื้นที่ใดมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่ามาก และจะวางแผนแก้ไขต่อไปเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ