พระนครศรีอยุธยา - นักมวยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติกว่า 60 ประเทศ ประมาณ 500 คน เข้าประกอบพิธีบวงสรวง “นายขนมต้ม” เนื่องในวันวีรชนไทยนายขนมต้ม ที่บริเวณอนุสาวรีย์นายขนมต้ม ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 มี.ค.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์นายขนมต้ม ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมเป็นประธานในการนำนักมวยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติกว่า 60 ประเทศ ประมาณ 500 คน เข้าประกอบพิธีบวงสรวง “นายขนมต้ม” เนื่องในวันวีรชนไทยนายขนมต้ม ประจำปี 2559 พร้อมด้วยการแสดงริ้วขบวนช้าง นักมวยไทยอย่างยิ่งใหญ่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ส่วนช่วงค่ำวันนี้จะมีพิธีไหว้ครูมวยไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปรมาจารย์ครูมวยเป็นผู้นำทำพิธีไหว้ครูมวย และสวมมงคลจากครูมวยที่บริเวณวัดมหาธาตุ นอกจากนี้ ยังจะมีการสาธิตศิลปหัตถกรรม การสักยันต์ การตีดาบอรัญญิก การแสดงศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกย่อง และส่งเสริมศิลปะป้องกันตัวของไทยอันเป็นมรดกโลกที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพชนไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างจากชนชาติอื่น
สำหรับ นายขนมต้ม เป็นนักมวยคาดเชือกชาวกรุงศรีอยุธยา เกิดที่ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรนายเกิด และนางอี่ มีพี่สาวชื่อนางเอื้อย ทั้งพ่อแม่ และพี่ถูกพม่าฆ่าตายหมด และต้องไปอยู่วัดตั้งแต่เล็ก นายขนมต้ม ถูกพม่ากวาดต้อนไปเชลยในระหว่างเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
นายขนมต้ม มีชื่อเสียงในเชิงมวยเป็นที่เลื่องลือ ในพงศาวดารบันทึกว่า “เมื่อพระเจ้ามังระโปรดให้ปฏิสังขรณ์ และก่อเสริมพระเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้งเป็นการใหญ่นั้น ครั้นงานสำเร็จลงในปี พ.ศ.2317 พอถึงวันฤกษ์งามยามดี คือ วันที่ 17 มีนาคม จึงโปรดให้ทำพิธียกฉัตรใหญ่ขึ้นไว้บนยอดเป็นปฐมฤกษ์ แล้วได้ทรงเปิดงานมหกรรมฉลองอย่างมโหฬาร ขุนนางพม่ากราบทูลว่า “นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก” พระเจ้ามังระ จึงตรัสสั่งให้เอาตัวนายขนมต้ม นักมวยดีมีฝีมือตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาถวาย พระเจ้ามังระ ได้ให้จัดมวยพม่าเข้ามาเปรียบกับนายขนมต้ม โดยจัดให้ชกต่อหน้าพระที่นั่ง ปรากฏว่า นายขนมต้ม ชกพม่าไม่ทันถึงยกก็ชนะถึงเก้าคนสิบคน พระเจ้ามังระ ทอดพระเนตรยกพระหัตถ์ตบพระอุระตรัสสรรเสริญนายขนมต้ม ว่า “คนไทยนี้มีพิษสงรอบตัว แม้มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน นี่หากว่ามีเจ้านายดี มีความสามัคคีกัน ไม่ขัดขากันเอง และไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว และโคตรตระกูลแล้ว ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่ข้าศึก ดั่งที่เห็นอยู่ทุกวันนี้”
หลังจากนายขนมต้มได้เอาชนะนักมวยพม่าแล้ว พระเจ้ามังระ ได้ปูบำเหน็จแก่นายขนมต้ม โดยแต่งตั้งเป็นข้ารับใช้ในกรุงอังวะ แต่นายขนมต้ม กลับปฏิเสธ และขอให้พระเจ้ามังระปลดปล่อยตน และเชลยคนไทยทั้งหมดให้เป็นอิสระเพื่อกลับบ้านเกิด พระเจ้ามังระ ก็ยอมทำตามความประสงค์ ในที่สุด นายขนมต้ม และเหล่าเชลยคนไทยก็ได้รับอิสรภาพ และกลับไปยังบ้านเกิดก็คือ แผ่นดินไทยที่มีกรุงธนบุรีเป็นราชธานี โดยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี นามว่า ตากสินมหาราช นายขนมต้ม ก็ได้อาศัยอยู่บ้านเกิดอย่างสงบแต่ไม่ทราบว่าเสียชีวิตไปเมื่อใด
เหตุการณ์ที่ นายขนมต้ม ชกชนะนักมวยพม่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2317 จึงได้มีการจัดให้วันที่ 17 มีนาคมของทุกปี เป็นวันมวยไทย เพื่อเป็นเกียรติประวัติต่อนักมวยไทย นอกจากนี้ ชาวพระนครศรีอยุธยา ยังได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นายขนมต้ม ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา